Daisypath Anniversary tickers

รอบรั้ว ประวัติศาสตร์ เกาะหมาก ปีนัง

Saturday, February 16, 2008


เมื่อไม่กี่วันมานี้ ครูได้รับของฝากจากเพื่อนๆครูหลายๆคน ที่ซื้อมาฝากจากมาเลเซีย จากการที่คณะครูได้ไปศึกษา-ดูงาน ที่สิงคโปร์และมาเลเซีย ของฝากชิ้นหนึ่งที่เตะตาครู คือพวงกุญแจ ของปีนัง มันทำให้เราคิดถึงเมืองนี้ไม่ได้ ถ้าเราศึกษาเรื่องการเสียดินแดน ของประเทศไทย.... เราได้เสียดินแดนเกาะนี้ไป นับเป็นอันดับแรกทีเดียว ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถ้าถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2551 เมื่อไหร่ละก็ ครบ 222 ปีพอดี คำนวณตัวเลขเอาก็แล้วกันว่าตั้งแต่ พ.ศ. เท่าไหร่ค่ะ เมื่อก่อนเป็นเมืองของไทย ชื่อว่า เกาะหมาก อังกฤษได้ขอเช่าไป เมื่อตกไปเป็นของมาเลย์ ก็เปลี่ยนชื่อเป็นปีนัง ซึ่งก็แปลว่าหมากเหมือนเดิม

เกาะหมาก ในการปกครองของอังกฤษนั้นก็เจริญรุ่งเรื่อง มีชาวไทยภาคใต้ได้ส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือกันที่นั่น เพราะจะได้มีความรู้ ภาษาจีน และอังกฤษดี คนรุ่นก่อนๆของครอบครัวครู ก็เรียนหนังสือกันที่นั่นเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิด โรงเรียนที่มีชื่อ คือ จุงหลิง สอนเกี่ยวกับเรื่องพาณิชย์ ธุรกิจ การที่ไม่ได้ส่งลูกหลานมาเรียนในกรุงเทพ เหมือนกับทุกวันนี้ ก็เพราะการเดินทาง เป็นสาเหตุ อันหนึ่งเหมือนกัน จะไปกรุงเทพซักครั้ง ดูว่ามันไกล จากภาคใต้ ถ้าเอาฝั่งด้านอันดามัน จากภูเก็ต จะไปเกาะหมากมันง่าย จากตรังก็ไปที่ท่าเรือกันตัง มันก็ใกล้ ซึ่งถ้าดูจากระยะทางจากกรุงเทพ ถึงเกาะหมากแล้ว การดูแล เรื่องการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 1 ก็ต้องบอกว่า แทบจะปล่อยให้เป็นอิสระไปเลยทีเดียว ยังเสียดายมั้ยคะ กับสูญเสียเกาะหมาก เสียดายค่ะ เพราะคนไทยยังตกค้างที่นั่น ยังมีอยู่

ถ้าใครไปภูเก็ต ไปที่เขารังจะผ่านถนน คอซิมบี้ด้วย คุณครูที่ไปปีนัง ไม่ทราบว่าได้ผ่านถนนที่ชื่อว่า คอซิมบี้ หรือเปล่า (Jalan Khaw Sim Bee) นั่นเป็นชื่อถนน ที่เขาเอาชื่อของคนไทย เชื้อสายจีน ไปตั้งเป็นชื่อถนนค่ะ คอซิมบี้ก็คือ พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ท่านผู้นี้คือเจ้าเมืองตรัง และต่อมาได้เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต สมัยก่อนบ้านของท่านอยู่ที่นั่น เดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่ายังอยู่กันหรือเปล่า แต่ในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 ยังมีอยู่ เพราะกรมสมเด็จพระยาดำรงฯ เสด็จลี้ภัยอยู่ที่บ้านของพระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง-เจ้าเมืองระนอง) ประมาณปี 2476 เอาละค่ะ ให้พอเป็นที่สังเกตจากชื่อต่างๆของคนที่มีบ้านเดิมอยู่ปีนังตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ว่าเป็นคนไทย เชื้อสายจีน ซึ่งในภาคใต้แล้ว มีจำนวนมาก รูปภาพข้างบนนั่น ที่เอามาประกอบเรื่องเป็นทางแยกระหว่างถนนเวสต์แลนด์และถนน คอซิมบี้ในปีนังค่ะ จะเห็นว่าเป็นถนนแคบๆ เหมือนๆกับภูเก็ต และมารยาทการจอดรถยนต์ก็ทำให้คนที่นั่น รำคาญกันพอสมควรค่ะ

เอาเรื่องเกาะหมากและคนไทยในเกาะหมากมาพูดพอสมควรแล้ว และได้พูดถึงเรื่องการเสียดินแดน ถึงไหนๆแล้ว ก็พูดถึงเรื่องการเสียดินแดนทางภาคใต้อีกเรื่องหนึ่งซึ่งจะครบ 100 ปี ในเดือนหน้า คือ วันที่ 10 มีนาคม 2551 เมื่อ 100 ปีที่แล้ว เราเสียรัฐกลันตัง ตรังกานูและปลิสให้แก่อังกฤษ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจศาลไทย ที่จะบังคับคนอังกฤษในประเทศไทย จะเห็นว่าในสมัยก่อนโน้น การเข้ายึดดินแดน เป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่มีอำนาจทางทหาร ด้านอาวุธ เข้ามายังกับโจรปล้น ไอ้เสือเอาวา!!!! แล้วก็ปล้นชิงเอา ซึ่งๆหน้า สู้ไม่ได้ก็ยอมๆไป...แต่เดี๋ยวนี้ เขามีวิธีรุกแบบใหม่ เข้ามาทางด้านเศรษฐกิจ ลูกๆดูซิคะ ว่าเขาเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรของเราไปอย่างไร แล้วเราก็ยินดีไปด้วย แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ว่าเขาเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากบ้านเมืองเราไป ไม่ว่าด้านไหน ธนาคาร ร้านค้า เครื่องดื่ม อาหาร ของขบเคี้ยว ฯลฯ เราต้องจ่ายเงินซื้อ แล้วเงินนั้นก็หายไปในต่างประเทศ ลูกๆต้องขยัน เรียนหนังสือ พัฒนาบ้านเมืองของเรา สร้างของๆเราเอง ไม่ต้องพึ่งต่างชาติ ถ้าเราเก่งแล้ว เราก็จะสู้กับต่างชาติได้ ดูอย่างสิงคโปร์ซิคะ เล็กนิดเดียว แต่คนของเขาเก่ง มีความรู้ มีการศึกษา พัฒนาประเทศจนมีอำนาจทางเศรษฐกิจ ขยายอิทธิพลไปทั่ว เราเอง ก็ยังเสียเปรียบอยู่เลยค่ะ

เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว ครูก็ต้องมาพูดย้ำอีกละค่ะ ว่า ลูกๆที่จะไปเป็นอนาคตของชาติในวันข้างหน้า ต้องดูแลบ้านเมืองของเรา ไม่อยากให้ประเทศของเราต้องเสียเปรียบเขา เราเองต้องพัฒนา ต้องขยันหมั่นเพียร ในช่วงวัยเรียน ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด คือเรียน เรียน เรียนและเรียน ต้องรักกันให้มาก อย่าแตกแยกกัน แม้จะมีความคิดเห็นต่างกัน ต้องฟังคนอื่นด้วย แล้วเอามาคิดพิจารณา ว่าความคิดของคนอื่นนั่น ผิดหรือถูก นะคะ


อ้างอิงจาก//ส.ศิวรักษ์ http://www.sulak-sivaraksa.org/th/index.php?option=com_content&task=view&id=448&Itemid=3
หอมมรดกไทย/ทำเนียบหัวเมืองของไทย// http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/city/city.html
Photo//http://www.penang360.blogspot.com/