Daisypath Anniversary tickers

รอบรั้ว วัดนาหลวง

Sunday, July 15, 2007

ต่อจากตอนที่แล้วค่ะ วัดนาหลวงแห่งนี้เป็นที่อบรมสั่งสอนให้แก่ผู้ที่สนใจ เกือบตลอดทั้งปีค่ะ จะหยุดก็ช่วงเข้าพรรษา ที่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ต้องเข้ารับการอบรมจากท่านประธานสงฆ์ หรือเข้ากรรมฐานปฏิบัติธรรม ในช่วงเวลาปกติทางวัดก็จะเปิดโอกาสให้หน่วยงานหรือโรงเรียน ส่งบุคลากรหรือนักเรียนเข้ารับการฝึกปฏิบัติธรรมหรือรับการศึกษาธรรมจากวัด

ซึ่งในที่วัดนี้ การศึกษาหมายถึงการให้ความรู้ความเข้าใจในพุทธธรรม ทั้งการปฏิบัติปริยัติ และปฏิเวธด้านการปฏิบัติมุ่งให้ความรู้ความเข้าใจทั้งด้านสมถะและวิปัสสนา มีกลุ่มเป้าหมาย ทั้งที่เป็นภิกษุสามเณร ชีและฆราวาส แต่ละกลุ่มเป้าหมายมีแนวปฏิบัติดังนี้
1) การศึกษาสำหรับพระภิกษุ สามเณรและแม่ชี
โดยแต่ละปีพระเดชพระคุณหลวงพ่อผู้เป็นประธานสงฆ์จะแบ่งภาคการศึกษาของพระภิกษุสามเณรออกเป็น 4 ภาค ด้วยกันคือ
1. ภาคทฤษฎี ( อบรมสมถะ วิปัสสนา ) ให้แก่พระเณรทุกรูปทุกองค์ 1 เดือนเต็มเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เดือนมิถุนายนของทุกปี
2. ภาคปฏิบัติธรรมกรรมฐาน 4 เดือนเต็มจนถึงออกพรรษา
3. ภาคเทศนาโวหาร ฝึกอบรมเพื่อเตรียมออกเผยแผ่ฝึกอบรม 1 เดือนเต็ม เริ่ม 1 พฤศจิกายนทุกปี
4. ภาคเผยแผ่ จะออกจาริกธุดงค์ 3-4 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 ธันวาคม ของทุกปีปีละ 2 รุ่น
(1 ธ.ค. – 28 ก.พ. และ 1 มี.ค.-30พ.ค.)
2) การอบรมฆราวาสญาติโยม
ฆราวาสญาติโยม นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการและประชาชนทั่วไปทางวัดได้จัดหลักสูตรการอบรมปฏิบัติธรรม บวชเนกขัมมะ (นุ่งขาว ห่มขาว ถือศีล 8) ของบุคคลทั่วไปมีระยะเวลาวันที่ 5 วัน

อยากให้อ่านตัวอย่างบางตอนที่ย่อมาให้เกี่ยวกับศีลค่ะ

1. ศีลเป็นตาข่าย
ศีลเป็นตาข่ายทำลายมิจฉาทิฏฐิ 10 อย่างออกได้ ศีลเบื้องต้นแห่งธรรมทั้งปวง เป็นมารดาแห่งธรรมทั้งปวง ถ้าศีลไม่มีเบื้องต้น อาทิกัลยาณัง มัชเฌกัลยาณัง ปะริโยสาณะกัลยาณัง มันจะงามได้อย่างไร ศีลจึงเป็นเบื้องต้นแห่งธรรมทั้งปวง

2. ศีลเป็นนายคุม
ผู้มีศีลจะไม่ทำทุจริต จะไม่เสพมิจฉาทิฏฐิ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตจะไม่แตะต้องเลย มีความสงวนตนเองว่า ทำบาปเพียงนิดชีวิตจะอาภัพ ทำบาปเพียงน้อยชีวิตจะมีปมด้อย ข้าพเจ้าเกิดมาขาววับกว่าตาล คิดว่าจะไปด่าเขาคิดว่าจะเอาเปรียบคนไม่มีในสันดานเลย จิตตัวนี้เลยเป็นหนึ่ง กุศลจิตเสพศีลเป็นเบื้องต้น เป็นวิสุทธิศีล ทุกท่านที่นั่งอยู่นี่ถ้ามีศีลเป็นผู้คุมทุจริตได้ เมื่อทุจริตตายไป ทุกข์ก็ไปลงนรก ทุกโขติณนา ทุกขะปะเรตา เหลือแต่สุจริต พอสุจริตเกิด สุจริตเป็นตัวพาตรัสรู้ พาคนหมดพยศเป็นตัวกันคนตกนรก เป็นตัวพาคนไม่ติดโลกธรรม

3. ศีลเป็นของวิเศษ
สีลังโลเก อนุตตะรัง ศีลเป็นเยี่ยมในโลก สมมตินั่งล้านคนร่วมกัน มีแต่คนทุศีล แต่มีคนหนึ่งเป็นคนมีศีลเป็นอัจฉริยะเหมือนกับดวงดาวในท้องฟ้าที่มืดมิด ดวงดาวออกมามีความสง่าผ่าเผย ศีลเป็นเยี่ยมในโลกไม่ว่าที่ไหนๆ อย่างไร

4. ศีลมีฤทธิ์เดช
คือทรัพย์ สุข เย็นจะเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์เดชของศีล

5. ศีลสามารถดับโทสะได้
อโทโส สีลเหตุ ผู้มีศีลจะไม่โกรธ ฆ่าทั้งความโกรธ ฆ่าทั้งโทสะ ฆ่าทั้งพยาบาท เมื่อฆ่าโทสะดับลงไปปุ๊บ เมตตาเกิดขึ้นมาแทนจึงเป็นเมตตาที่รุนแรง สามารถรักสัตว์ตัวแดงแมงตัวน้อยทุกตัวทุกท่านที่นั่งฟังข้าพเจ้าอยู่นี้
ที่จริงแล้วรายละเอียดเรื่องนี้ ยาวมากค่ะ ในแต่ละเรื่องที่หลวงพ่อเทศน์ ที่เอามาแค่คำอารัมภบทก่อนที่จะเข้าเนื้อหา ในตัวเนื้อหานี่ยิ่งนั่งฟังก็ยิ่งเห็นจริงและไม่น่าเบื่อเพราะการเทศน์ของหลวงพ่อที่ยกตัวอย่างยกคำพูดที่มีเหตุมีผลตลอด อยากให้ไปฟังด้วยค่ะ ถ้ามีโอกาสนะคะ

และในตอนนี้นะคะ ทางวัดได้มีการจัดสร้าง "โรงครัวเมตตา" และ "ศาลาปฏิบัติธรรม" ขึ้นมาเพราะของเดิมคับแคบลง จำนวนนักเรียนและหน่วยงานต่างๆที่เข้าไปรับการอบรมมีมากขึ้น ทางวัดจึงขอเรียนเชิญท่านพุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธา ร่วมกันบริจาคทรัพย์ ตามกำลังศรัทธาได้ที่วัด หรือที่ชื่อบัญชี "วัดอภิญญาเทสิตธรรม" ธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เลขบัญชี 431-1-12308-6 และถ้าจะไปฟังธรรมในวันเสาร์ที่สองของเดือน ก็ร่วมกันทำบุญในวันนั้นได้เลยค่ะ

Posted by ครูพเยาว์ at 11:41 AM