รอบรั้ว ครอบครัวอบอุ่น
Friday, September 17, 2010
เมื่อวันก่อนครูได้พูดเรื่องการจูงมือเด็กเข้าวัด ยกตัวอย่างครอบครัวหนึ่งที่เอาลูกมาวัดเป็นประจำ เมื่อวันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2553 ครูได้เจอครอบครัวนี้ มากันทั้งบ้านทีเดียว หลวงปู่ทองใบจะดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อท่านเห็นมาวัดกันทั้งครอบครัวแบบนี้ ท่านมักพูดเสมอว่า “เป็นครอบครัวอบอุ่น” ที่จูงลูกหลานเข้าวัดแบบนี้ ครูเคยยกตัวอย่างศาสนาอื่นที่เขาจูงใจเอาเด็กเข้าโบสถ์ เข้ามัสยิด ซึ่งต้องอาศัยแรงจูงใจทั้งศาสนบุคคล เช่น หลวงพ่อ บราเดอร์ ซิสเตอร์ อิหม่าม มุตตาวา (คนที่คอยเตือนให้เข้ามัสยิด) และแรงจูงใจจากทางบ้าน เช่นคนในครอบครัวเชื่อมั่นในศาสนา หมั่นเล่าเกร็ดเล็กๆน้อยๆในพระพุทธศาสนา เด็กๆชอบฟังเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบนี้แหละค่ะ สอนให้เขาเชื่อมั่นในคำสอนของศาสดาไม่ว่าในศาสนาใด
ครูได้เจอครอบครัวของน้องไดร์ฟและน้องดิสค์ ชื่อฟังดูแล้วแปลกๆไปนิดนะคะ แต่นั่นก็แสดงว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ครอบครัวของน้องเขามีธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ชื่อของน้องเลยออกมาในแนวนี้ น่าสนใจตรงที่ว่า เขาเป็นคนรุ่นใหม่ แต่มั่นคงในศาสนาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะครูจะเห็นมาวัดไม่ขาด ไม่ค่อยเจอกับพ่อบ้านเท่าไหร่นัก นั่นเพราะเขาขึ้นไปฟังธรรมบนศาลา ความจริงอีกอย่าง ผู้ชายที่ไปนั่งฟังพระเทศน์นั่น จะมีแค่ 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ หลวงปู่จะประกาศทุกครั้ง เมื่อเทศน์จบ วันนี้มีพระเท่าไหร่ เณร แม่ชี อุบกสก อุบาสิกา และเด็กเท่าไหร่ ส่วนมากจะเป็นอุบาสิกาเสีย 70 เปอร์เซนต์ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง อีกละ ผู้ชาย อุบาสกนี่ล้วนแล้วก็เป็นผู้สูงวัยทั้งนั้น
ในวันนั้นน้องทั้งสองได้เล่นอยู่ตรงสถานที่ตักบาตร มีเด็กวิ่งเล่นด้วยกัน 5 – 6 คน ห่างจากศาลาฟังธรรมไกลโขอยู่ ก็ถามว่าคุณแม่อยู่ตรงไหน เขาเก่งพอตัวค่ะ บอกว่าอยู่ใกล้ๆนี่แหละ ชี้มือไป ใกล้ๆของเด็ก ทำให้เดินเหงื่อตกเหมือนกัน ปรากฏว่าปูเสื่อนั่งฟังอยู่ด้านนอกศาลาพุทธาวาส (สถานที่ฟังธรรม) ได้ยินพระเทศน์ชัดเจนค่ะ พ่อบ้านของครูก็ฟังอยู่ละแวกนั้นเป็นประจำ ด้านหน้าบ้าง ด้านข้างบ้าง เพราะนั่งพับเพียบไม่ถนัด โรคปวดหลังรุมเร้าเวลานั่งนานๆ ก็ได้คุยกันนิดหน่อย พอจะรู้เรื่องพอเลาๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ดีใจแล้วที่ได้เจอกับคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจในพระพุทธศาสนา เราจะต้องมีคนอย่างครอบครัวนี้เยอะๆ ศาสนาเราถึงจะอยู่รอดได้ในบ้านตัวเอง ครูเคยเขียนเอาไว้หลายตอนเกี่ยวกับชาวตะวันตกที่เขาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนา ดูๆแล้ว เขาสนใจในเนื้อหาของคำสอนส่วนหนึ่งเป็นอย่างมาก แล้วก็เอาไปปฎิบัติ เช่นการนั่งสมาธิ เขาสนใจในประโยชน์ที่ได้จากการบริหารจิตและเจริญปัญญา สนใจในการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง สนใจในการทำงานของสมอง แม้กระทั่งอัตราการเต้นของหัวใจ จริงๆแล้วเราละเลยที่จะไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์ไปหรือยังไงก็ไม่ทราบ...ขอฝากเรื่องนี้ไว้ให้คนรุ่นใหม่เอาไปคิดนะคะ อีกนิดค่ะ...เคยลองสังเกตุดูบ้างมั้ยคะ คนที่นั่งสมาธิ ควบคุมอารมณ์ได้แค่ส่วนหนึ่ง หน้าตาจะผ่องใส มีผิวพรรณดี จนคนที่พบเจอแปลกใจ ดูจะหน้าอ่อนกว่าอายุจริงค่ะ....ลองสังเกตุดูนะคะ
ครูได้เจอครอบครัวของน้องไดร์ฟและน้องดิสค์ ชื่อฟังดูแล้วแปลกๆไปนิดนะคะ แต่นั่นก็แสดงว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ครอบครัวของน้องเขามีธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ชื่อของน้องเลยออกมาในแนวนี้ น่าสนใจตรงที่ว่า เขาเป็นคนรุ่นใหม่ แต่มั่นคงในศาสนาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะครูจะเห็นมาวัดไม่ขาด ไม่ค่อยเจอกับพ่อบ้านเท่าไหร่นัก นั่นเพราะเขาขึ้นไปฟังธรรมบนศาลา ความจริงอีกอย่าง ผู้ชายที่ไปนั่งฟังพระเทศน์นั่น จะมีแค่ 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ หลวงปู่จะประกาศทุกครั้ง เมื่อเทศน์จบ วันนี้มีพระเท่าไหร่ เณร แม่ชี อุบกสก อุบาสิกา และเด็กเท่าไหร่ ส่วนมากจะเป็นอุบาสิกาเสีย 70 เปอร์เซนต์ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง อีกละ ผู้ชาย อุบาสกนี่ล้วนแล้วก็เป็นผู้สูงวัยทั้งนั้น
ในวันนั้นน้องทั้งสองได้เล่นอยู่ตรงสถานที่ตักบาตร มีเด็กวิ่งเล่นด้วยกัน 5 – 6 คน ห่างจากศาลาฟังธรรมไกลโขอยู่ ก็ถามว่าคุณแม่อยู่ตรงไหน เขาเก่งพอตัวค่ะ บอกว่าอยู่ใกล้ๆนี่แหละ ชี้มือไป ใกล้ๆของเด็ก ทำให้เดินเหงื่อตกเหมือนกัน ปรากฏว่าปูเสื่อนั่งฟังอยู่ด้านนอกศาลาพุทธาวาส (สถานที่ฟังธรรม) ได้ยินพระเทศน์ชัดเจนค่ะ พ่อบ้านของครูก็ฟังอยู่ละแวกนั้นเป็นประจำ ด้านหน้าบ้าง ด้านข้างบ้าง เพราะนั่งพับเพียบไม่ถนัด โรคปวดหลังรุมเร้าเวลานั่งนานๆ ก็ได้คุยกันนิดหน่อย พอจะรู้เรื่องพอเลาๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ดีใจแล้วที่ได้เจอกับคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจในพระพุทธศาสนา เราจะต้องมีคนอย่างครอบครัวนี้เยอะๆ ศาสนาเราถึงจะอยู่รอดได้ในบ้านตัวเอง ครูเคยเขียนเอาไว้หลายตอนเกี่ยวกับชาวตะวันตกที่เขาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนา ดูๆแล้ว เขาสนใจในเนื้อหาของคำสอนส่วนหนึ่งเป็นอย่างมาก แล้วก็เอาไปปฎิบัติ เช่นการนั่งสมาธิ เขาสนใจในประโยชน์ที่ได้จากการบริหารจิตและเจริญปัญญา สนใจในการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง สนใจในการทำงานของสมอง แม้กระทั่งอัตราการเต้นของหัวใจ จริงๆแล้วเราละเลยที่จะไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์ไปหรือยังไงก็ไม่ทราบ...ขอฝากเรื่องนี้ไว้ให้คนรุ่นใหม่เอาไปคิดนะคะ อีกนิดค่ะ...เคยลองสังเกตุดูบ้างมั้ยคะ คนที่นั่งสมาธิ ควบคุมอารมณ์ได้แค่ส่วนหนึ่ง หน้าตาจะผ่องใส มีผิวพรรณดี จนคนที่พบเจอแปลกใจ ดูจะหน้าอ่อนกว่าอายุจริงค่ะ....ลองสังเกตุดูนะคะ
Posted by
ครูพเยาว์
at
9:09 PM
Labels: ทั่วไป ตามใจคิด, พุทธศาสนา, วัดอภิญญาเทสิตธรรม