พระพุทธศาสนา การบริหารจิต และเจริญปัญญา (ตอนที่ 1/3 )
Saturday, September 4, 2010
ที่จริงแล้วครูได้เขียนเรื่องการบริหารจิต และเจริญปัญญามา 4-5 ตอนแล้ว ซึ่งจะหาอ่านย้อนหลังได้จากบทความปีก่อนๆ แต่อยากจะเขียน อยากจะพูดอีก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งสองเรื่อง คือทั้งจิต และปัญญา การปลูกฝังเรื่องนี้ครูคิดว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป ในชั้นประถม ก็เหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน....จะถามสอบความรู้แบบนักธรรม ครูว่านั่นจะสุดโต่งจนเกินไป เด็กที่เพิ่งหัดเดิน เดินทีละก้าว ครึ่งก้าว ก็ล้มลงเสียแล้ว คนที่เป็นพ่อแม่ต่างก็หัวเราะด้วยความดีอกดีใจ ตะโกนกันดังลั่น “มาดูนี่...มาดูนี่...ลูกเดินได้แล้ว!!!!” เช่นกัน การเรียนรู้ เรื่องสำคัญในการดำเนินชีวิตของเด็ก ตามแนวทางพุทธ...วิถีพุทธ...การเรียนรู้ที่ละนิด ๆ แต่จำได้แม่น ไม่พลาด เหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน เป็นเรื่องสำคัญ
การปลูกฝังเรื่องนี้ ครูได้เห็นตัวอย่างจากครอบครัวหนึ่งมาหลายปี เขามั่นคงในศาสนามาก มาฟังเทศน์ ฟังธรรมกับวัดเดียวกับที่ครูไปประจำนั่นแหละ “วัดนาหลวง” หรือ “วัดอภิญญาเทสิตธรรม” ที่อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ภาพที่เห็นประจำก็คือ มีลูกสาวตัวเล็กๆ เล่นกองทราย เก็บก้อนหิน อยู่ข้างๆศาลาฟังธรรม ซึ่งมีชื่อว่า “ศาลาพุทธาวาส” คุณแม่ก็ดูแลลูกอยู่ใกล้ๆ ฟังธรรมไปด้วย ซึ่งอาจจะมีคุณยายไปนั่งฟังเทศน์บนศาลา...จากปี เป็น 2 ปี...3 ปี...มีเด็กเพิ่มมาอีก เป็นเด็กผู้ชาย เหมือนเดิม...เหมือนกับพี่สาว...ทั้งพี่และน้องก็ยังเล่นกองทราย..เก็บก้อนหิน...วิ่งเล่น อยู่ใกล้ๆกับศาลาพุทธาวาส...นี่ผ่านมา 5- 6 ปีแล้ว เด็ก 2 คนนั่นก็ยังมาวัด ไม่เห็นเล่นกองทราย เก็บก้อนหินแบบเดิม แต่แม่จูงมือขึ้นไปบนศาลาวัด เด็กอาจนั่งได้ไม่นาน ก็ต้องลงมาเล่นไล่จับ แต่ภาพที่คนฟังเทศน์จำนวนมาก ที่ฟังกันเงียบๆ อย่างสงบนั่น สอนเด็กไปในตัว...อย่าส่งเสียงดังนะ....นั่นเป็นภาพที่ครูว่า ครอบครัวนั้นได้ปลูกต้นโพธิ์ไว้ในใจลูกทั้งสองคนนั่นแล้ว...เด็กสองคนนั่นเล่นกันเงียบๆ... รับรู้ว่าต้องสงบ อย่าส่งเสียงดัง ...นั่นคือการเริ่มหัดเดินในชีวิตวิถีพุทธแล้วค่ะ
Labels: การศึกษา, พุทธศาสนา, วัดอภิญญาเทสิตธรรม