Daisypath Anniversary tickers

รอบรั้ว โรงพยาบาลอุดรธานี ยาง..ยืดชีวิตพิชิตโรค

Thursday, April 17, 2008


เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ครูได้เข้าไปในโรงพยาบาล เพราะถึงเวลานัดของคุณหมอที่ต้องให้พ่อบ้านของครูไปตรวจร่างกายอีกครั้ง แต่ในช่วงเช้าก็ได้เดินไปโรงอาหาร หาอะไรกิน เพราะพ่อบ้านต้องอดอาหารมาหลายชั่วโมง หลังตรวจเลือด แล้วก็เดินรอบๆโรงพยาบาลช่วงที่ต้องรอผลการตรวจเลือด และรอคุณหมอ เกิดไปเห็นพยาบาลหลายๆคน กำลังสอนให้ชาวบ้านออกกำลังกาย โดยการใช้ยางยืด ซึ่งก็มายางเส้นที่เด็กๆในโรงเรียนเอามาเป่ากบ หรือเด็กผู้หญิงเอามาเล่นกระโดดข้ามกัน

แน่นอนว่าเมื่อยางยืดนี้มาอยู่ในโรงพยาบาล มันต้องมีความสำคัญขึ้นมาก เราคงนึกไม่ถึงว่าจะสำคัญขนาดนั้น ที่จริงแล้ว ทางโรงเรียนอนุบาลก็เคยมีครูไปอบรมเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ส่วนมากก็จะเลือกเอาแต่คนที่มีน้ำหนักเกิน ที่เขาเรียกกันว่ามวลร่างกายหรืออะไรทำนองนั้นเกินพอดี ไปลดน้ำหนักลงให้พอเหมาะพอควรให้สมดุลย์กันกับส่วนสูง ก่อนที่จะมาถึงจุดที่ครูเห็นว่านางพยาบาลจะออกมานำเอาชาวบ้านมาออกกำลังกาย คงจะมองเห็นความสำคัญแล้วว่า ทำไมคนเราต้องออกกำลังกาย, ความจำเป็นในการออกกำลังกาย, เหตุผลและความสำคัญของการออกกำลังกาย, สาเหตุที่มาของปัญหาสุขภาพของคนไทย, การที่แพทย์และพยาบาลต้องมารับศึกหนักกับจำนวนคนป่วย ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งๆที่สามารถทำให้ลดลงได้ ทั้งงบประมาณและกำลังพล ถ้าคนในชาติรู้จักป้องกัน และระวังรักษาตัว ให้พ้นจากโรคภัย ดีกว่าปล่อยให้เกิดขึ้นแล้วมารักษา

นี่อาจเป็นที่มาของการออกกำลังกาย ของญาติผู้ป่วยที่ได้รับการฝึกจากเหล่าพยาบาลของโรงพยาบาลอุดรธานีของเราค่ะ สอนให้ชาวบ้านรู้จักยาง...ยืดชีวิตพิชิตโรค คงจะมีอยู่หลายๆโครงการที่ทางโรงพยาบาลได้พยายามยื่นมือมาช่วยชาวบ้าน ให้รู้จักรักษาและป้องกันตัวไม่ให้เกิดโรคภัย แต่คนภายนอกอย่างครูหรือใครๆอาจไม่รู้ เพราะไม่ได้เข้าไปคลุกคลีกับโรงพยาบาลบ่อยนัก ที่เข้าไปเห็นการออกกำลังกายนี่ก็เพราะต้องเข้าไปในโรงพยาบาลในวันนั้นพอดี มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ทางโรงพยาบาลเขาตรวจวัดมวลกระดูก ครูเองก็จะได้ข่าวเอาทีหลัง หลังจากที่โครงการนั้นจบลงไปแล้ว อย่างไรก็ตามก็ขอให้กำลังใจกับแพทย์และพยาบาลของเราทุกคนค่ะ ที่ชาวบ้านอย่างครูนี่เห็นว่า ทุกคนที่โรงพยาบาลต่างก็ทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี จากรูปจะเห็นว่ามีคนมาร่วมการออกกำลังกายน้อยไปหน่อย ที่จริงแล้ว วันที่ครูเห็นครั้งแรกมากกว่านี้หลายเท่า และมีอยู่หลายจุด วันนั้นครูไม่ได้ถือกล้องถ่ายรูปไป เลยไม่ได้รูปตามที่ครูต้องการ

Posted by ครูพเยาว์ at 11:26 AM