รอบรั้ว ความกลัวห้องสอบ
Tuesday, April 1, 2008
มีเด็กหลายคน เรียนอะไรไปแล้ว เรียนไม่รู้เรื่อง..ไม่เข้าใจ..พาลต่อไปข้างหน้า ไม่ชอบวิชาที่เรียน แล้วก็วันหนึ่ง ต้องเข้าห้องสอบ แน่นอน...ว่าหนักหนาสาหัสเอามากๆ ไม่เฉพาะเด็กไทยเท่านั้น เด็กทั่วโลกก็เหมือนๆกัน ครูเอง อ่านหลายบทความเกี่ยวกับเรื่องการกลัวห้องสอบ เด็กฝรั่งก็มี พูดเหมือนกับเด็กบ้านเรานี่แหละ...ยกตัวอย่างวิชา ที่เด็กๆกลัวได้เลย "แคลคูลัส" ส่วนมากจะบ่นว่า เรียนไปทำไม ไม่เห็นต้องใช้ตรงไหน ไม่ใช่เรียนวิศวะสักหน่อย
แต่ถ้ามันอยู่ในหลักสูตร ก็ต้องเรียนค่ะ บ้านเรา ม.ปลายก็เรียนแล้ว...บ้านเขา ประถมก็เริ่มเรียน เพราะโลกข้างหน้า การคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร มันไม่พอ..คณิตศาสตร์ชั้นสูงมันต่อยอดไปเรื่อยๆ บางทีเริ่มตอนเด็กๆน่าจะดีกว่า มีเวลาเตรียมตัวได้นาน เตรียมตามหลังให้ทันความเจริญของมนุษยชาติ ที่ส่วนหนึ่งก้าวไปในอวกาศแล้ว
พูดถึงความกลัว ครูมีบทความที่อ่านแล้ว ก็ชอบใจ เพราะว่าความกลัวนี่แหละ ที่จะทำให้เราพบกับความพ่ายแพ้ ทั้งๆที่ไม่น่าจะแพ้ ถ้าเราเอาชนะความกลัวได้ ศัตรูจะใหญ่ขนาดไหน เราก็สามารถต่อกรได้ เรื่องที่ครูว่าก็คือ "ต้นไม้ใบหญ้าล้วนเป็นกองทหารทั้งสิ้น" จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการ"
เฉ่ามู่เจียปิง (草木皆兵 ) : ต้นไม้ใบหญ้าล้วนเป็นกองทหารทั้งสิ้น
草 อ่านว่า เฉ่า แปลว่า หญ้า
草 อ่านว่า เฉ่า แปลว่า หญ้า
木 อ่านว่า มู่ แปลว่า ไม้
皆 อ่านว่า เจีย แปลว่า ทั้งหมด
兵 อ่านว่า ปิง แปลว่า ทหาร
คริสต์ศตวรรษที่ 383 รัฐเฉียนฉิน (ฉินยุคก่อน) ภายใต้การปกครองของอ๋องฝูเจียน ซึ่งควบรวมดินแดนทางตอนเหนือเกือบทั้งหมด ได้นำกองทัพทหารและม้าราว 9 แสนลงใต้เพื่อโจมตีรัฐตงจิ้น(จิ้นตะวันออก) อ๋องแห่งตงจิ้น แต่งตั้งเซี่ยสือและเซี่ยเสวียน 2 พี่น้องเป็นแม่ทัพ นำกำลังพลราว 8 หมื่นเข้าต้าน
อ๋องฝูเจียน เชื่อมั่นว่าทัพของตนต้องได้ชัยชนะแน่นอน เนื่องจากกองทัพจิ้นขณะนั้นทั้งอ่อนแอ และมีจำนวนทหารน้อยกว่ารัฐฉินมากนัก อ๋องฝูเจียนตั้งทัพอยู่ที่เมืองโซ่วหยัง (ปัจจุบันคือเมืองโซ่วในมณฑลอันฮุย) และได้ส่งคนผู้หนึ่ง นามว่าจูซี่ว์เดินทางไปยังรัฐจิ้นเพื่อส่งข่าวข่มขวัญแม่ทัพเซี่ยสือ
จูซี่ว์นั้นเดิมเป็นชาวตงจิ้น อดีตมีตำแหน่งถึงเจ้าเมืองนายทัพรักษาการเมืองโซ่วหยังซึ่งเป็นอดีตเชลยศึกของเฉียนฉิน ปัจจุบันถูกชุบเลี้ยงเป็นขุนนางในพระราชสำนักในตำแหน่งอาลักษณ์ แต่ด้วยความภักดีต่อรัฐตงจิ้น ดังนั้นเมื่อเขาพบกับแม่ทัพเซี่ย และรายงานความตามที่อ๋องรัฐฉินสั่งมาเรียบร้อยแล้ว จึงแนะนำให้กองทัพจิ้น ถือโอกาสตอนที่กำลังหนุนของทัพฉินยังไม่มา เข้าจู่โจมเมืองลั่วเจี้ยนก่อน แม่ทัพเซี่ยเห็นด้วยจึงนำกองกำลังจู่โจม ผลคือได้ชัยชนะกลับมาทำให้กองทหารจิ้นคึกคักอักโข ดังนั้นจึงเดินทัพมาตั้งค่าย ณ อีกฝั่งของริมน้ำเฝยสุ่ย (ปัจจุบันคือแม่น้ำเฝย สาขาแม่น้ำหวยเหอทางภาคกลางของมณฑลอันฮุยในปัจจุบัน)
เมื่อฝูเจียนได้รับข่าวว่าทหารจิ้นชนะและมาตั้งค่าย ณ อีกฝั่งของริมน้ำเฝยสุ่ย ก็ตกใจมากและรีบขึ้นไปมองดูจากบนกำแพงเมือง เมื่อมองไปไกลๆ เห็นกองทหารจิ้น ตั้งค่ายอย่างเป็นระบบระเบียบ มั่นคงยิ่งนัก จนอ๋องฝูเจียนลอบชมเชยเบาๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออ๋องรัฐฉินมองขึ้นไปยังยอดเขาปากงซาน คลับคล้ายว่าคลาคล่ำไปด้วยกองทหารจิ้นที่กำลังโบกสะบัดธงแห่งชัยชนะ ซึ่งหากเพ่งดูอย่างละเอียดนั่นเป็นเพียงต้นไม้ใบหญ้าที่กำลังไหวเอนไปมาไม่มีทหารจิ้นแม้สักผู้เดียว แต่อ๋องฝูเจียนตาฝาด พลันเห็นเป็นกองทัพที่แสนจะเข้มแข็งและทรงพลานุภาพ จึงเกิดความตระหนกอย่างยิ่ง จนต้องกล่าวออกมาว่า “นี่คือกองทัพอันยิ่งใหญ่ เหตุใดจึงกล่าวว่ากองทัพจิ้นอ่อนแอ?”
หลังจากนั้นไม่นาน อ๋องฝูเจียนก็สั่งกองทหารทำทีเป็นถอยทัพเพื่อให้กองทัพจิ้นข้ามมารบกันที่ฝั่งน้ำด้านนี้ โดยวางแผนว่าเมื่อทหารจิ้นข้ามมาถึงกลางน้ำ ฝ่ายกองทัพฉินก็จะลงมือโจมตีทันที แต่เนื่องจากทหารเฉียนฉินบางส่วนได้รับฟังคำกล่าวปากต่อปากว่าทหารจิ้นเข้มแข็งยิ่งนักจึงเกิดความกลัว พอมีคำสั่งถอยทัพ ก็หันหลังวิ่งหนีไปจริงๆ ประกอบกับเมื่อทัพจิ้นยกข้ามมา จูซี่ว์ ได้ตะโกนว่า “ทัพฉินแพ้แล้วๆ” ทำให้กองทหารฉินที่อยู่เบื้องหลังเห็นเพียงแต่ทหารกองหน้าวิ่งหนีกลับเข้ามาและได้ยินคำกล่าวนั้นต่างปักใจเชื่อว่าเป็นจริงจึงวิ่งหนีเอาตัวรอดด้วย
ผลของการสู้รบรัฐเฉียนฉินจึงพ่ายแพ้ให้กับตงจิ้นอย่างราบคาบ การศึกครั้งนี้ เป็นการศึกครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์จีน โดยเรียกว่า “เฝยสุ่ยจือจั้น” หรือ “การศึกที่แม่น้ำเฝย” เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการศึกที่ใช้คนน้อยชนะคนมาก คนอ่อนแอชนะคนเข้มแข็ง
ภายหลัง “เฉ่ามู่เจียปิง” หรือ เหมาว่าต้นไม้ใบหญ้าต่างเป็นทหารศัตรู ถูกนำมาเป็นสุภาษิต ใช้เปรียบเทียบกับอาการกลัวเกินกว่าเหตุ กลัวจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน
การเรียน การสอบก็เหมือนกัน อย่าไปกลัวค่ะ วิชาไหนที่รู้ตัวว่า เรียนไม่ได้ ไม่เข้าใจ อย่าหนี เข้าไปหาครู ขอคำปรึกษาได้ทันที เรื่องร้ายๆ สอบตก มันจะมากล้ำกรายเราไม่ได้หรอกค่ะ
Posted by
ครูพเยาว์
at
5:48 PM
Labels: ทั่วไป ตามใจคิด