Daisypath Anniversary tickers

รอบรั้ว วัดมัชฌิมาวาส ยักษ์หน้าวัด

Wednesday, April 16, 2008

ยักษ์หน้าวัดมัชฌิมาวาสผ่านวันสงกรานต์มาก็ชุ่มโชกกันถ้วนหน้า แล้วก็น่าเสียดายที่วัฒนธรรมเก่าแก่ของเราก็เสื่อมถอย หายไปกับวัฒนธรรมของโลกใหม่ ที่มีแต่ความสนุกสนานเข้ามาแทนที่ เสียงเพลงที่กระหึ่ม หนุ่มสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาชะโลมแป้ง ปะไปถ้วนทั่วร่าง ไม่รู้ว่าใครจะนึกจะคิดอย่างไร ไม่สนใจ น่าเศร้าใจไปกับกระทรวงวัฒนธรรมของเรา

ครูมาวันนี้ไม่ได้มาพูดเรื่องวันสงกรานต์ แต่จะพูดเรื่องยักษ์หน้าวัดมัชฌิมาวาส 2 ตนที่ยืนเฝ้าหน้าวัดมา นี่ก็น่าจะกว่า 40 ปีเข้าไปแล้ว เพราะครูเห็นมาตั้งแต่ครูยังเด็กๆอยู่เลย ถามใครๆที่เป็นคนเก่าแก่ของเรา ก็ไม่ค่อยจะมีใครรู้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ครูเลยต้องมาเขียนบันทึกเอาไว้ กันลืม เผื่อว่าลูกๆเวลาผ่านไปวัด หรือไปวัดมัชฌิมาวาสจะได้ไปเยี่ยม ไปดูว่ายักษ์ 2 ตนนั้นมีลักษณะอย่างไร

อย่างไรก็ตามยักษ์ทั้งสองนั้นก็ไม่ได้ปั้นถูกต้องตามลักษณะเดิมไปหมดทุกอย่าง อาศัยว่ามีลักษณะอย่างนั้นคือยักษ์ตนนั้นก็พอ ยักษ์ตนแรกอยู่ทางซ้ายมือ มีจมูกเล็กๆเป็นงวงช้าง ตนนี้ถ้าไม่ใช่ทศคีรีวันก็ต้องเป็นทศคีรีธร ทำไมถึงต้องออกมาแบบกึ่งกลางอย่างนั้นล่ะ นั่นก็เพราะสีของยักษ์ค่ะ ของวัดมัชฌิมาวาสออกสีขาวทั้งตัว ซึ่งก็ไม่เหมือนของเดิม ที่จริงแล้วทศคีรีวันมีกายเป็นสีแดง ทศคีรีธรมีกายสีเขียว ยักษ์ทั้งสองตนนั้นเป็นยักษ์ฝาแฝด ที่เกิดจากทศกัณฐ์กับนางช้างพัง ทศคีรีวันเป็นพี่ ทศคีรีธรเป็นน้อง เมื่อเกิดแล้วทศกัณฐ์ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่ท้าวอัศกรรมมาลา เจ้าเมืองดุรัม พอรู้เรื่องราวที่บิดาตนทำศึกกับพระราม จึงอาสาออกรบ ผลที่สุดก็ตายด้วยศรของพระราม ยักษ์ฝาแฝดนี้เฝ้าประตูของวัดพระแก้ว แล้วยังไปยืนอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย ทำหน้าที่ส่งเสริมวัฒนธรรมของไทยอยู่หลายที่ด้วยกัน

ยักษ์อีกตนที่อยู่ทางด้านขวามือทางเข้าประตูวัด ครูถามใครๆแล้ว คนที่อยู่มาตั้งแต่เก่าก่อน ก็ไม่มีใครรู้ว่า ยักษ์ตนนี้ชื่ออะไร แต่ครูก็ต้องบอกว่า จะมีอยู่ก็แค่ตนเดียวเท่านั้น ที่นึกได้ เพราะการปั้น เขาปั้นให้มี สองหน้า คือหน้าด้านหนึ่งหัดหน้าออกนอกวัด อีกด้านหนึ่งหันเข้าไปในวัด ลักษณะอย่างนี้มีอยู่ตนเดียวคือ ท้าวสหัสเดชะ ตนนี้เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดชมากทีเดียว มีพันพักตร์ สองพันกร ทศกัณฐ์แค่สิบพักตร์ ยี่สิบกร ฤทธิยังมากถึงกับท้ารบกับพระรามได้ นี่มีตั้งพันหน้า คิดดูว่าฤทธิ์มากขนาดไหน เขาถึงเอามาเฝ้าประตูวัด ดูลักษณะของท้าวสหัสเดชะ คือ กายใหญ่โต มีสีขาว 1000หน้า 2000 มือ ตาสีแดงดังดวงอาทิตย์ ได้พรจากพระพรหมให้มีตะบองวิเศษชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น รบกับใครก็ชนะตลอด แต่ก็มาเสียท่าหนุมาน ที่จับตะบองหักทิ้ง แล้วมัดด้วยหาง จากนั้นก็ตัดเศียรกระเด็น ตายไป เดี๋ยวนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิท้าวสหัสเดชะก็ไปยืนเป็นตัวแทนคนไทย ไปทำหน้าที่ต้อนรับชาวต่างประเทศด้วยเหมือนกัน

ที่วัดมัชฌิมาวาสยังมีสิ่งสำคัญๆอีกหลายอย่าง ครูจะเอามาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปค่ะ

Posted by ครูพเยาว์ at 2:55 PM