รอบรั้ว ครอบครัวอบอุ่น
Monday, June 2, 2008
ลงไปใต้ครั้งนี้ เพื่อที่จะไปอยู่กับคุณย่า เพราะหลายเดือนแล้ว ที่น้องคนที่ดูแลย่าประจำเขาไปเมืองนอก เพื่อไปเยี่ยมหลานที่เพิ่งคลอดอยู่ที่โน่น อันที่จริงถึงไม่ลงไป ก็ยังมีคนอื่นดูแลอยู่แล้วค่ะ แต่เราเองก็ต้องทำหน้าที่นี้ด้วยคนหนึ่งเหมือนๆกัน จำเป็นที่ต้องลงไป นี่คือลักษณะของครอบครัวคนไทยค่ะ
อากาศที่ใต้ดีมากค่ะ ไม่ร้อนมากนัก ถึงแม้ว่าแดดจะเผา คนใต้ถึงผิวคล้ำกว่าคนภาคอื่นๆ อาจเพราะเขาเดินกลางแดดได้อย่างสบาย ไม่ร้อน เพราะลมพัดตลอด และเพราะเดินตากแดดได้นี้เอง ผิวก็คล้ำได้ง่ายๆ ครูสันนิษฐานเอาเองนะคะ แต่ระยะที่อยู่กับคุณย่า ได้คุย ได้ฟังเรื่องต่างๆหลายเรื่อง มีเรื่องที่ครูฟังแล้ว ทึ่ง....คือคำทายอะไรเอ่ย ที่คนโบราณอย่างคุณย่าทวดเคยถามเล่นๆกับลูกหลาน ที่คุณย่ายังจำเอามาทายเล่นได้ อยากให้ลองฟังดูค่ะ
คำทายแรก...อะไรเอ่ย
อัฐิ ต่างตะโจ
แปดเท้าโท เศียรเว้น
คงคา เป็นที่เล่น
ปฐวี เป็นที่นอน
ดูแล้ว คนเก่าๆของเรานี่ ภาษาไทยไม่ใช่ว่าจะประมาทได้นะคะ เห็นนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่นอยู่กับบ้าน คุณย่าคุณยายเขารู้นะ ว่าคำนั้นคำนี้หมายความว่าอย่างไร...เราเองต่างหากที่ต้องทึ่ง ต้องงงกับคำทายเล่นๆเหล่านั้น...เอาละ รู้คำตอบแล้วยังคะ ถ้ายังนึกไม่ออก เอาคำทายที่สองมาลับสมองเล่นอีกคำ
อะไรเอ่ย....
สองตีนชี้ฟ้า
ผันหน้าสู่ดิน
น้ำท่าไม่กิน
แผ่นดินไม่เหยียบ
คำทายนี้คนอื่นๆอาจทายใกล้เคียงกัน แต่ฟังแล้วก็งงๆกับคำทาย ของคุณย่านี่ถือว่าฟังจากปากกันเลย ไม่ผิดหรือลอกมาผิดๆแน่ เอาแค่เบาะๆ สองคำทายก็พอ แต่ที่อยากให้ดูคือลักษณะการใช้ภาษา จะเป็นคำคล้องจองกัน เป็นคำกลอนที่มีบทรับบทส่งพร้อมเสร็จ สมกับไทยแท้แต่โบราณจริงๆ สมัยนี้ครูเองก็ยังมองไม่เห็นว่าเราจะรักษาความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน เหมือนรุ่นปูย่าตาทวดได้อย่างไร เพลงในสมัยนี้เป็นตัวอย่างได้เลย ฟังๆแล้ว ก็ยังหาคำคล้องจองไม่ได้ ร้องก็ไม่เพราะเสนาะหูอะไรสักนิด ตะโกนกันมากกว่า ยิ่งพวกแรพโย่ ฟังแล้วฟังอีกก็ยังฟังไม่ออกเลยว่าเป็นเพลงหรือคำบ่น
(คำตอบ คำทายแรก Crab คำทายที่สอง Bat)
อากาศที่ใต้ดีมากค่ะ ไม่ร้อนมากนัก ถึงแม้ว่าแดดจะเผา คนใต้ถึงผิวคล้ำกว่าคนภาคอื่นๆ อาจเพราะเขาเดินกลางแดดได้อย่างสบาย ไม่ร้อน เพราะลมพัดตลอด และเพราะเดินตากแดดได้นี้เอง ผิวก็คล้ำได้ง่ายๆ ครูสันนิษฐานเอาเองนะคะ แต่ระยะที่อยู่กับคุณย่า ได้คุย ได้ฟังเรื่องต่างๆหลายเรื่อง มีเรื่องที่ครูฟังแล้ว ทึ่ง....คือคำทายอะไรเอ่ย ที่คนโบราณอย่างคุณย่าทวดเคยถามเล่นๆกับลูกหลาน ที่คุณย่ายังจำเอามาทายเล่นได้ อยากให้ลองฟังดูค่ะ
คำทายแรก...อะไรเอ่ย
อัฐิ ต่างตะโจ
แปดเท้าโท เศียรเว้น
คงคา เป็นที่เล่น
ปฐวี เป็นที่นอน
ดูแล้ว คนเก่าๆของเรานี่ ภาษาไทยไม่ใช่ว่าจะประมาทได้นะคะ เห็นนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่นอยู่กับบ้าน คุณย่าคุณยายเขารู้นะ ว่าคำนั้นคำนี้หมายความว่าอย่างไร...เราเองต่างหากที่ต้องทึ่ง ต้องงงกับคำทายเล่นๆเหล่านั้น...เอาละ รู้คำตอบแล้วยังคะ ถ้ายังนึกไม่ออก เอาคำทายที่สองมาลับสมองเล่นอีกคำ
อะไรเอ่ย....
สองตีนชี้ฟ้า
ผันหน้าสู่ดิน
น้ำท่าไม่กิน
แผ่นดินไม่เหยียบ
คำทายนี้คนอื่นๆอาจทายใกล้เคียงกัน แต่ฟังแล้วก็งงๆกับคำทาย ของคุณย่านี่ถือว่าฟังจากปากกันเลย ไม่ผิดหรือลอกมาผิดๆแน่ เอาแค่เบาะๆ สองคำทายก็พอ แต่ที่อยากให้ดูคือลักษณะการใช้ภาษา จะเป็นคำคล้องจองกัน เป็นคำกลอนที่มีบทรับบทส่งพร้อมเสร็จ สมกับไทยแท้แต่โบราณจริงๆ สมัยนี้ครูเองก็ยังมองไม่เห็นว่าเราจะรักษาความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน เหมือนรุ่นปูย่าตาทวดได้อย่างไร เพลงในสมัยนี้เป็นตัวอย่างได้เลย ฟังๆแล้ว ก็ยังหาคำคล้องจองไม่ได้ ร้องก็ไม่เพราะเสนาะหูอะไรสักนิด ตะโกนกันมากกว่า ยิ่งพวกแรพโย่ ฟังแล้วฟังอีกก็ยังฟังไม่ออกเลยว่าเป็นเพลงหรือคำบ่น
(คำตอบ คำทายแรก Crab คำทายที่สอง Bat)
Posted by
ครูพเยาว์
at
9:05 AM
Labels: ทั่วไป ตามใจคิด