รอบรั้ว โรงเรียนคาทอลิกและวัดพุทธ
Thursday, May 6, 2010
เมื่อวานได้ขึ้นไปตักบาตรที่วัดนาหลวง และจะกลับบ้านหลังจากที่ไปอยู่ในสวนมาหลายวัน ช่วงนั้นมีเด็กนักเรียนร่วมพันคน เข้าไปอบรมคุณธรรมจริยธรรมที่วัด เป็นนักเรียนจากวิทยาลัยอาชีวะอุดรธานีส่วนหนึ่ง และจากโรงเรียนเซนต์เมรี่อุดรธานีส่วนหนึ่ง ครูเองปลื้มใจและตื้นตันใจที่เห็นนักเรียนโรงเรียนคาทอลิกเข้ามาอบรมจริยธรรม ได้เจอกับซิสเตอร์ที่ควบคุมนักเรียนมาด้วย ได้พูดคุยกับท่าน ที่ปลื้มใจเพราะท่านไม่ได้ตะขิดตะขวงใจในการที่จะคิดว่านี่คือวัดพุทธในขณะที่ท่านสวมชุดของแม่ชีของคาทอลิก ท่านทำหน้าที่คือนำเด็กนักเรียน (ชาวพุทธ) มาอบรมในวัดที่อยู่แสนห่างไกลจากตัวเมือง หนทางก็แสนจะลำบาก ผ่านทั้งถนนลาดยางที่ต้องหลบหลุมบ่อ ถนนดินแดงที่ถ้าเป็นหน้าร้อนก็ดมฝุ่นมาตลอดสาย กว่าจะผ่านได้ก็หัวแดงกันเป็นแถว ถ้าหน้าฝนก็ยิ่งแล้วใหญ่ ถนนเป็นโคลนกว่าจะผ่านแต่ละเนินเขาไปได้ บางทีก็ต้องลงจากรถ ช่วยกันดันให้รถขึ้นเนินให้ได้ ตอนนี้แม้ว่าทางจังหวัดจะเข้ามาสร้างถนนคอนกรีตช่วงขึ้นวัดให้แล้ว แต่ช่วงทางที่เข้าไปจากถนนใหญ่ก็ยังเป็นถนนดินแดงอยู่ค่ะ ครูได้เจอกับนักเรียนของโรงเรียนนี้กำลังกุลีกุจอขนสาด เสื่อไปปูตรงที่ตักบาตรพระ แต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใสค่ะ เห็นแล้วปลื้มใจ เดินมาเป็นกลุ่มๆ คุยกันตามประสาเด็กวัยรุ่น น่ารักดีค่ะ ครูว่าถ้าโรงเรียนทั่วๆไปพานักเรียนมาอบรมอย่างนี้บ้างน่าจะดี ดีกว่าอบรมในโรงเรียน หรืออบรมที่วัดในตัวเมือง ที่ครูคิดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้ทำอย่างนั้นตลอดไป ทำได้ แต่...ถ้าเราเอาเด็กมายังสถานที่อย่างวัดนาหลวง...เด็กจะได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ความยากลำบาก ทำให้เกิดความอดทน เห็นว่าในที่ห่างไกลและกันดารนั้น ยังมีคนที่อาศัยอยู่ อยู่อย่างลำบาก จะได้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้บ้าง จะได้เห็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ตอนที่ครูเดินขึ้นบันไดวัด ได้เจอกับนักศึกษาของวิทยาลัยอาชีวะที่กำลังกวาดใบไม้ ทำความสะอาดบันไดอยู่ มีอยู่กลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ตรงบันได ดูฝูงกระรอกที่วิ่งไล่กัน ไต่ขึ้นลงต้นไม้อยู่ใกล้ๆกับเด็กๆกลุ่มนั้น มีอยู่คนหนึ่ง ที่ถามครูว่า “คุณยายคะ กระรอก กับกระแตต่างกันอย่างไรคะ” เด็กๆในตัวเมืองเห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปเสียหมด แถมยังสงสัยถึงอีกอย่างที่ตัวเองไม่เห็นเสียอีก ครูก็ตอบไปว่า กระรอกตัวจะใหญ่กว่า ขนฟู หางเป็นพวง กระแตตัวจะเล็กกว่า ตรงหลังจะมีขนลายเป็นทางสีน้ำตาล (เหมือนลูกหมูป่า) แล้วการอบรมเด็กในโรงเรียน หรือในวัดที่ใกล้กับโรงเรียน ผลมันต่างกับที่อบรมในวัดที่ห่างบ้าน (และหนทางลำบาก)หรือเปล่า จริงๆแล้วเนื้อของการอบรมที่ไหนๆมันก็เหมือนๆกัน แต่บรรยากาศมันต่างกัน สิ่งที่แตกต่างกันนี้ได้เพิ่มความจูงใจในการเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็ง การอยู่กัน การรู้จักหน้าที่และ มีจิตสาธารณะ ช่วยในการอบรมมากขึ้น อย่างน้อย เด็กจะคิดถึงพ่อถึงแม่มากที่สุด ที่ครูได้เจอและได้คุยมา เขาจะรักพ่อรักแม่มากขึ้น บางคนเคยเห็นพ่อดื่มเหล้า สูบบุหรี่ บอกว่าถ้าได้กลับไป จะบอกให้พ่อเลิกให้หมด ในอบายมุข สิ่งเสพติดเหล่านั้น คำสอนของพระอาจารย์บวกกับความคิดถึงบ้าน มันสร้างแรงจูงใจ พลังใจอย่างที่เราคิดไม่ถึงให้กับเด็กๆค่ะ ถ้าเราเอาเด็กอบรมที่โรงเรียน พอค่ำหน่อยเดี๋ยวพ่อก็แวะมาเยี่ยม เดี๋ยวแม่ก็เอาขนมมาให้ ตกลงก็เหมือนกับอยู่ที่บ้านนั่นแหละ ไม่มีแรงจูงใจอะไรมาเสริมให้เด็กเลยค่ะ
Posted by
ครูพเยาว์
at
2:54 PM
Labels: การศึกษา, พุทธศาสนา, วัดอภิญญาเทสิตธรรม