Daisypath Anniversary tickers

รอบรั้ว ผู้ก่อการร้ายแบบไทยไทย

Tuesday, July 14, 2009


ช่วงหัวค่ำวันก่อนได้ยินอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง มาพูดเรื่องตำรวจของเรากำลังเรียกตัวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรวม 36 คน ในฐานะ “ผู้ก่อการร้าย” ให้มารายงานตัว แล้วท่านก็เปรียบเทียบให้เห็นว่า ภาพของผู้ก่อการร้าย ที่โลกกำลังตัองการตัวอยู่นั้น มีลักษณะเช่นไร การส่งกองกำลังทหารทั้งกองทัพเข้าไปค้นหา ไปรุกทุกเขตพื้นที่ ที่จะจับตัวให้ได้ แล้วก็เกิดการลอบยิง การฆ่าเกิดขึ้นตลอดเวลา และดูว่า แม้ลงทุนลงแรงไปถึงขนาดนั้น จนป่านนี้ก็ยังจับตัวไม่ได้ เมื่อมาเทียบกับผู้ก่อการร้าย แบบไทยไทย ที่ตำรวจไทยต้องการตัว เพียงแค่ออกหมาย เรียกตัวมา เขาก็พร้อมที่จะเดินเข้าไปหา แล้วก็ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ ก็ให้สงสัยว่า นี่เป็นผู้ก่อการร้ายแบบไหน ซึ่งทุกคนที่บ้านนั่งฟังไปแล้วก็อดหัวเราะไปกับมุกขำขันของอาจารย์เจิมศักดิ์ไม่ได้ ที่เปรียบเทียบให้เห็นภาพได้

ที่จริงเรื่องในทำนองนี้ดูเหมือนจะมีมาตรฐานในการเรียกหาที่ต่างกัน เพราะในขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกษิต ภิรมย์ หนึ่งในผู้ปราศรัยของพันธมิตรฯ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในทันที เพื่อเป็นการแสดงสปิริตทางการเมือง รับผิดชอบกับความผิดที่ตามที่ตำรวจกล่าวหาว่า แต่พรรคประชาธิปัตย์ตอบโต้ว่า คนชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้จำคุก 2 ปี แต่กลับหนีไปโน่นไปนี่ได้ทั่วโลก ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรบ้าง ที่สำคัญยังปล่อยให้ลิ่วล้อล่ารายชื่อประชาชนมา 1 ล้านชื่อ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ กดดันสถาบันเบื้องสูง ทั้งๆที่หน่วยราชการที่มีหน้าที่โดยตรงเรื่องนี้ คือกรมราชทัณฑ์ได้ออกมาแถลงแล้ว ว่าไม่สามารถทำได้ เพราะนักโทษยังหนีอยู่เลย ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่วางไว้ คือต้องมาเข้าคุกก่อน แล้วจึงขอพระราชทานอภัยโทษ และต้องยื่นผ่านส่วนราชการ ไม่ใช่เดินไปหน้าประตูวังค่ะ

นี่คือความแตกต่างที่ยังปรากฏให้เห็น ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองถูกต้อง ส่วนอีกฝ่ายคือผู้ผิดและเป็นผู้ที่ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ในขณะที่กระบวนการที่นำไปสู่ความถูกต้องกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรจะเป็น นั่นคือกระบวนการยุติธรรม การพิจารณาคดีที่ผู้ก่อการร้ายแบบไทยไทยโดนยิง โดนระเบิด โดนแก๊สน้ำตา ทั้งที่ตายไปนับสิบศพ พิการและบาดเจ็บอีกร่วมพัน ยังหาคำตอบไม่ได้เลย ว่าตายไปฟรีๆ หรือว่าตายไปแบบวีรชน กลุ่มคนที่สู้กับระบบคอรัปชั่น แล้วก็มาโดนข้อหาผู้ก่อการร้าย ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีเงินล้นฟ้า สามารถเข้ามาก่อกวนได้ไม่สิ้นสุด แถมศาลตัดสินแล้วด้วย ว่าหัวหน้า ตัวการใหญ่นั่น มีความผิด ตัดสินจำคุกไปแล้ว และการหนีไปได้นั่นก็เป็นที่คลางแคลงใจ ว่าหนีไปได้อย่างไร ทั้งๆที่คนธรรมดาอย่างเราๆไม่สามารถทำได้แน่ ไม่มีใครทำหน้าที่ และไม่มีใครอาย เพราะแม้แต่ชาวบ้านก็เดาออก ว่าหนีแน่นอน ซึ่งก็ไม่ใช่คนแรก นักการเมืองหนีไปคนแล้วคนเล่า ระบบราชการแบบไทยไทยเรา ปล่อยให้เป็นไป แล้วค่อยมาแก้กันภายหลัง แล้วก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ย้ำอีกครั้งค่ะ ต้นตอเรื่องราวต่างๆที่วุ่นวายและปล่อยให้เราต้องตามแก้อยู่เดี๋ยวนี้ คือ กระบวนการยุติธรรม และตำรวจที่เป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม ที่ไม่ใส่ใจอย่างจริงจัง และต้องขอโทษตำรวจดีๆ ตำรวจน้ำดีที่ยังมี มีแต่ท่านเองเท่านั้นที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ขององค์กร ไม่มีใครหรอกที่จะกู้ชื่อแทนท่านได้นะคะ