รอบรั้ว โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ยังไม่เคลียร์
Friday, August 22, 2008
เกิดเหตุเรือบรรทุกก๊าซ LPG บึ้มสนั่น!จมดิ่งที่มาบตาพุด
ระยอง - เกิดเหตุระเบิดบนเรือบรรทุกก๊าซ LPG จนเกิดเพลิงไหม้ลุกท่วม เป็นเหตุให้เรือจมลงในบริเวณบริเวณท่าเทียบเรือคลังเก็บเคมีภัณฑ์ของบริษัทในเครือ “สยามซีเมนต์กรุ๊ป” เบื้องต้นยังไม่ทราบจำนวนผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต วันนี้ (20 ส.ค.) เวลาประมาณ 21.00 น. พ.ต.ท.วสันต์ ยวงยิ้ม สารวัตรเวร สภ.มาบตาพุด อำเภอเมืองจังหวัดระยอง ได้รับแจ้งเหตุระเบิดในเรือบรรทุกก๊าซ LPG บริเวณท่าเทียบเรือ คลังเก็บเคมีภัณฑ์ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถนนไอ.8
ข่าวจากผู้จัดการ ออนไลน์ วันที่ 20 สิงหาคม 2551 เวลา 23.03 น.
ระยอง - เกิดเหตุระเบิดบนเรือบรรทุกก๊าซ LPG จนเกิดเพลิงไหม้ลุกท่วม เป็นเหตุให้เรือจมลงในบริเวณบริเวณท่าเทียบเรือคลังเก็บเคมีภัณฑ์ของบริษัทในเครือ “สยามซีเมนต์กรุ๊ป” เบื้องต้นยังไม่ทราบจำนวนผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต วันนี้ (20 ส.ค.) เวลาประมาณ 21.00 น. พ.ต.ท.วสันต์ ยวงยิ้ม สารวัตรเวร สภ.มาบตาพุด อำเภอเมืองจังหวัดระยอง ได้รับแจ้งเหตุระเบิดในเรือบรรทุกก๊าซ LPG บริเวณท่าเทียบเรือ คลังเก็บเคมีภัณฑ์ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถนนไอ.8
ข่าวจากผู้จัดการ ออนไลน์ วันที่ 20 สิงหาคม 2551 เวลา 23.03 น.
ระเบิดจุดเดียวจากก๊าซ LPG เมื่อเทียบกับรอยรั่วจากโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ผลมันจะต่างกัน นี่คือข่าวที่ครูกลัวมากที่สุด อันสืบเนื่องมาจากการที่เราจำเป็นจะต้องมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ แม้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า เราจำเป็นจะต้องมีมันจนได้ เพราะปิโตรเลียมนับวันจะหมดไป และถึงแม้ว่ายังมี แต่ราคาที่แพงเอามากๆก็ทำให้เราไม่สามารถที่จะซื้อได้
พลังงานจากแร่ธาตุ พลังงานนิวเคลียร์ที่ยังพอหาได้ และราคาถูกกว่าก็จะเข้ามาแทนที่ ประเทศต่างๆทั่วโลกเขาก็มีกันแล้ว สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น รัสเซีย ฯลฯ ต่างก็มีหลายโรงงานแล้ว เราอาจได้ยินว่าโรงไฟฟ้าระเบิด หรือโรงไฟฟ้ารั่วน้อยมาก ที่รุนแรงที่สุดก็คือที่เชอร์โนบีลในประเทศรัสเซียหรือประเทศยูเครนในปัจจุบัน แต่ว่านั่นคือโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่า โบราณ แต่ว่าผลที่เกิดขึ้น รุนแรง และกว้างไปหลายประเทศ จนคนกลัวโรงไฟฟ้าแบบนี้ ที่น่ากลัวสำหรับครูอันดับแรกคือวินัยของคนไทยเราที่ยังอ่อนด้อย ขาดความรับผิดชอบที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่ ตั้งแต่เด็ก สะเพร่า ขาดความระมัดระวัง ครูเขียนเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง เพราะมันน่ากลัว ถ้าเราจะทำอะไรที่มันยังไม่มีอะไรมารับประกันความเสี่ยง และเรายังมีข้อด้อยอีกเยอะ การที่จะต้องสังเคราะห์องค์ความรู้ที่ลึกซึ้ง ให้รอบด้านและเหมาะสมกับเรื่องต่างๆ ถ้าหากจะมองถึงปัญหาในอนาคต ที่เรายังฝากเรื่องนี้เอาไว้กับผู้บริการนโยบายซึ่งเป็นนักการเมือง ที่เรามักเห็นว่านโยบายที่ออกมามักคลุมเครือ เพราะคนที่มาเกี่ยวข้องกับทุกๆเรื่อง คือนักธุรกิจ และผลที่ออกมาก็คือ การกอบโกยผลประโยชน์ ผลงานจะเป็นอย่างไร มักจะโยนไปให้คนรุ่นหลังแก้ไขเอาเอง แต่เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตคนจำนวนมาก...มันน่ากลัว
แม้กระทั่งการมีกระบวนการติดตามผล ก็มักจะไม่ได้ผล ที่สังเกตได้ก็คือ แม้ว่าทางฝ่ายค้าน (ในรัฐบาล) จะหาเอาการทำงานอย่างไม่ชอบมาพากลออกมาอย่างไร การที่จะหาความรับผิดชอบจากฝ่ายบริหารในเรื่องเหล่านั้น มักจะถูกเมินเฉย เหมือนกับว่ากระบวนการมีส่วนร่วมมีขึ้นไม่ได้ในสังคมไทย จนกระทั่งนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมในที่สุด
เพราะฉนั้นถ้าหากคนที่ดูแลนโยบายในเรื่องนี้ขาดไปซึ่งธรรมาภิบาล ขาดวินัย ขาดองค์ความรู้ที่ลึกซึ้ง กีดกันผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วม และจ้องที่จะคอยหาผลประโยชน์อย่างเดียวแล้ว...อย่ามีเสียเลยจะดีกว่าค่ะ
พลังงานจากแร่ธาตุ พลังงานนิวเคลียร์ที่ยังพอหาได้ และราคาถูกกว่าก็จะเข้ามาแทนที่ ประเทศต่างๆทั่วโลกเขาก็มีกันแล้ว สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น รัสเซีย ฯลฯ ต่างก็มีหลายโรงงานแล้ว เราอาจได้ยินว่าโรงไฟฟ้าระเบิด หรือโรงไฟฟ้ารั่วน้อยมาก ที่รุนแรงที่สุดก็คือที่เชอร์โนบีลในประเทศรัสเซียหรือประเทศยูเครนในปัจจุบัน แต่ว่านั่นคือโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่า โบราณ แต่ว่าผลที่เกิดขึ้น รุนแรง และกว้างไปหลายประเทศ จนคนกลัวโรงไฟฟ้าแบบนี้ ที่น่ากลัวสำหรับครูอันดับแรกคือวินัยของคนไทยเราที่ยังอ่อนด้อย ขาดความรับผิดชอบที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่ ตั้งแต่เด็ก สะเพร่า ขาดความระมัดระวัง ครูเขียนเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง เพราะมันน่ากลัว ถ้าเราจะทำอะไรที่มันยังไม่มีอะไรมารับประกันความเสี่ยง และเรายังมีข้อด้อยอีกเยอะ การที่จะต้องสังเคราะห์องค์ความรู้ที่ลึกซึ้ง ให้รอบด้านและเหมาะสมกับเรื่องต่างๆ ถ้าหากจะมองถึงปัญหาในอนาคต ที่เรายังฝากเรื่องนี้เอาไว้กับผู้บริการนโยบายซึ่งเป็นนักการเมือง ที่เรามักเห็นว่านโยบายที่ออกมามักคลุมเครือ เพราะคนที่มาเกี่ยวข้องกับทุกๆเรื่อง คือนักธุรกิจ และผลที่ออกมาก็คือ การกอบโกยผลประโยชน์ ผลงานจะเป็นอย่างไร มักจะโยนไปให้คนรุ่นหลังแก้ไขเอาเอง แต่เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตคนจำนวนมาก...มันน่ากลัว
แม้กระทั่งการมีกระบวนการติดตามผล ก็มักจะไม่ได้ผล ที่สังเกตได้ก็คือ แม้ว่าทางฝ่ายค้าน (ในรัฐบาล) จะหาเอาการทำงานอย่างไม่ชอบมาพากลออกมาอย่างไร การที่จะหาความรับผิดชอบจากฝ่ายบริหารในเรื่องเหล่านั้น มักจะถูกเมินเฉย เหมือนกับว่ากระบวนการมีส่วนร่วมมีขึ้นไม่ได้ในสังคมไทย จนกระทั่งนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมในที่สุด
เพราะฉนั้นถ้าหากคนที่ดูแลนโยบายในเรื่องนี้ขาดไปซึ่งธรรมาภิบาล ขาดวินัย ขาดองค์ความรู้ที่ลึกซึ้ง กีดกันผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วม และจ้องที่จะคอยหาผลประโยชน์อย่างเดียวแล้ว...อย่ามีเสียเลยจะดีกว่าค่ะ
Posted by
ครูพเยาว์
at
5:17 AM
Labels: ทั่วไป ตามใจคิด