Daisypath Anniversary tickers

รอบรั้ว โลกที่ร้อนขึ้น

Tuesday, July 10, 2007



ที่จริงแล้ว คนที่ออกมาพูดเรื่องอันตรายจากภาวะโลกที่ร้อนขึ้น มีมานาน แต่คนที่จุดประกายเรื่องนี้อย่างจริงจัง น่าจะเป็นอดีตรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกานะคะ ท่านชื่อ Al Gore ได้ฟังจากท่านคนนี้หลายๆครั้งเมื่อปีที่แล้ว จากเคเบิลทีวีของช่องทีวีที่ถ่ายทอดจากต่างประเทศ เขานำมาลงซ้ำๆกันหลายๆครั้ง จนเห็นว่า เรื่องนี้มันน่าสนใจ และจากเรื่องราวที่ท่านได้ร้อยเรียงขึ้นมาอธิบาย พร้อมกับหลักฐานที่ท่านเอาออกมาให้ดู มันจริงค่ะ


โลกเราเปลี่ยนแปลงไปจนเราสามารถรับรู้ได้จากธรรมชาติที่แปรปรวน ฝนตกในช่วงที่ยังไม่น่าตก เราเคยฟังข่าวน้ำท่วม ฝนตกใหญ่จากจีนก่อน แล้วก็ไล่ลงมาเรื่อยจนถึงไทย น้ำจะท่วมภาคเหนือก่อน แล้วลงมาภาคกลาง สุดท้ายน้ำจะท่วมทางภาคใต้ เป็นอยู่อย่างนี้ตลอด


ตอนนี้มันแปรปรวนไปแล้ว เราได้เห็นน้ำท่วมในไทยก่อน แล้วตอนนี้ก็ที่เมืองจีน อากาศในอเมริกาที่หนาว ก็กลับร้อนขึ้น ฝนตก น้ำท่วมก็มี เป็นอย่างนี้ทั่วโลก ความจริงเรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง แต่มันก็ต้องเผชิญกับมัน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง


การที่เราทำอะไรเพื่อทำลายภาวะสมดุล มุ่งที่จะทำรายได้ หากำไรจากธรรมชาติจนเกินไป มันก็จะส่งผลในภายหลัง เราใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่บันยะบันยัง ผลาญน้ำมัน ใช้อย่างไม่คุ้มค่า ผลสุดท้ายลูกหลานในอนาคตก็ต้องรับกรรม อากาศที่หายใจ อาจต้องซื้อเป็นกระป๋องๆ ต้นไม้ ป่าไม้ก็โค่นลงๆ จนพื้นดินแทบไม่มีหลังคาคลุมแดด


รูปที่เอามาให้ดูข้างบนนี่แหละค่ะ แสดงให้เห็นถึงหายนะ แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมของเรา ที่ต่างคนต่างก็ใช้น้ำมัน เพื่อความสะดวกของตนเอง ในการเดินทาง ในการขนส่ง ไม่มีแผนรองรับว่าเราควรจะใช้น้ำมันสักเท่าไร ในแต่ละปี ผลที่เห็นบนท้องถนน คือรถยนตร์ที่คลาคล่ำไปหมด ปริมาณของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่อยู่เหนือประเทศไทย จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า เราเดินถูกทางหรือเปล่า ในการใช้น้ำมัน


คนที่จะได้กำไรจากความหายนะของโลก ของเราคือบริษัทน้ำมันนี่แหละค่ะ เราเองก็ไม่มีสามัญสำนึก เลือกเอาผู้นำรัฐบาลที่ไม่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ อย่างเช่น ปรับปรุงการขนส่งโดยทางรถไฟให้มีประสิทธิภาพ ขนส่งทีละมากๆได้ ขนสินค้า ขนคน หรือบริการได้ไวขึ้น ขยายรถไฟเป็นรางคู่ เพิ่มความเร็วของรถไฟให้เร็วขึ้น ซึ่งเราวิ่งแบบถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่างมาตั้งแต่ ร 5 จนบัดนี้...ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ถ้าเรามีบริการเรื่องการขนส่งที่ดีขึ้น เงินที่จะเอาออกไปซื้อน้ำมันก็จะลดลงนะคะ ใครจะได้รับผลดีจากการนี้คะ แน่นอนค่ะ ว่าไม่ใช่บริษัทน้ำมันและผู้ถือหุ้น แต่เป็นคนไทยทั้งชาติค่ะ

Posted by ครูพเยาว์ at 6:45 PM