สงสัยเรื่อง "โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" ที่ยังไม่แน่ใจว่าเราจะเริ่มสร้างกันเมื่อไหร่ ในเมืองไทย เท่าที่เห็น ก็พอมองออกพอเลาๆ ว่าไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ ก็ค่อยยังชั่วค่ะ แต่...ในอนาคตเราก็ต้องมีโรงไฟฟ้าอย่างว่านี้แน่นอน ถ้าน้ำไม่ท่วมโลกเรานี้ชนิดที่ล้างมนุษย์ไปหมด ที่เกรงกลัวโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ก็เพราะชอบสังเกต ว่าเราเองมีนิสัยอย่างไร คนไทยเรานี่แหละ ไปโรงเรียนตอนเช้าๆ สังเกตการขับรถของชาวเรา จะเห็นว่ากฏจราจรนั่นเขียนอย่างไร ไม่มีใครสนใจ ไฟแดงแล้ว โน่น..กว่าจะจอดก็แทบถึงกลางถนน ฝ่ายที่จะเลี้ยวก็ต้องขับวนให้พ้นทางที่เขาจอดล้นไปกลางถนน ทั้งเด็กวัยรุ่นและวัยเกินที่จะคึกคะนองแล้ว..เหมือนๆกัน ไม่ใส่ใจในกฏจราจร....สะพานข้ามถนน ก็ไม่ข้าม จะเดินข้ามตรงไหนก็ได้ ดีหน่อยที่ตอนนี้ตำรวจเอาจริงเอาจัง ในช่วงตอนเช้า ถึงแม้ว่าจะเดินข้ามมาครึ่งถนน ก็บอกให้กลับไปขึ้นทางสะพานลอย..แต่จะจริงจังได้นานแค่ไหน
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ต้องออกไปลงประชามติในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2550 นี้ได้ข่าวว่ายังมีการเขียนผิด...เอาฉบับที่ยังไม่ได้แก้ไขในบางข้อความไปพิมพ์..อะไรจะสะเพร่าขนาดนั้น!!!
นี่แหละคือความกลัวเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของครูค่ะ เราจะเห็นว่าการไม่ระวัง ไม่ใส่ใจมีอยู่ทั่ววงการ ไม่ว่าในระดับไหน เราทำงานแบบลอยตามลม เอ้อระเหยตลอดเวลา และที่น่ากลัวคือไม่มีวินัยในเบื้องต้น ถ้าเรามีคนอย่างนี้เข้าไปควบคุมโรงงาน ที่อาจมีผลถึงชีวิตของคนนับล้าน ผลจะออกมาเป็นอย่างไร...น่ากลัวค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีรายละเอียดเรื่องความปลอดภัย เพื่อที่จะป้องกันเอาไว้ให้ปฏิบัติ...ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับ "คน" ทั้งนั้น ที่จะชี้ว่าผลสุดท้ายจะออกมาเช่นไร
กับเด็กเล็กๆที่อยู่ในโรงเรียนของเรา..ต้องปลูกนิสัยให้มีระเบียบวินัยเอาไว้ตลอดเวลาค่ะ อย่าทิ้งขยะให้เกลื่อนกลาดไปทั่ว..ถังขยะก็ต้องดูให้สะอาด ไม่ใช่จะเปิดถังขยะซักที ต้องคิดแล้วคิดอีกว่า เชื้อโรคบนที่เปิดถังขยะ จะรุมกันไต่ขึ้นมือกี่ล้านตัว เด็กของเราต้องเดินข้ามสะพานข้ามถนน ซึ่งนี่ก็ดีหน่อยที่เด็กเราตัวเล็กๆ ไม่กล้าเดินข้ามถนน แต่ก็ต้องบอกเอาไว้ เพราะเด็กโตๆระดับมัธยมเดินให้เห็นเป็นประจำเป็นตัวอย่าง ปลูกฝังวินัยทั้งหมดเท่าที่นึกขึ้นได้ มาอบรมเด็กของเราเป็นเบื้องต้น อาจมีสักคนที่ต้องไปควบคุมโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ อย่างน้อยก็อุ่นใจค่ะ ว่าวินัยที่อบรมเขาไปนั้น คงจะให้เราอยู่อย่างไม่ต้องระแวงภัย ที่เกิดจากความสะเพร่า, ประมาทและไร้วินัยเท่าไรนัก
ดูภาพเพิ่มเติมจาก
http://www.nst.or.th/article/article493/article493015.html จะเห็นว่าในอนาคตไม่ไกลนักจากนี้ เราคงต้องได้ยินเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอนค่ะ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ก็อย่าลืมเตือนกันในเรื่องความปลอดภัยจากคนที่ควบคุมเครื่องมือก็แล้วกันค่ะ และเพื่อสนับสนุนเรื่องที่ว่าเราต้องได้ยินเรื่องโรงไฟฟ้าที่ว่าบ่อยขึ้นแน่ ก็อยากให้ได้ยินเรื่องที่ย้อนหลังไปบ้างค่ะ พอสังเขป ที่เก็บมาจากหนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์
23 เม.ย. 2550.....พูดเรื่อง เริ่มให้ความรู้แก่ประชาชน
12 มิ.ย. 2550....เริ่มคุยถึงค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรก ประมาณเอาไว้ว่า 204 พันล้านบาท ข้อมูล กฟผ.
27 มิ.ย. 2550....ประมาณเอาไว้ว่าปี 2020 (พ.ศ. 2563)น่าจะเปิดโรงไฟฟ้าแห่งแรกได้
6 ก.ค. 2550....เริ่มพูดถึงการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ
12 ก.ค. 2550....เริ่มมองไปที่สถานที่ก่อสร้างที่อาจเป็น ระนอง,ชุมพรหรือสุราษฎร์ ที่มีน้ำสำหรับหล่อเลี้ยงเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู
16 ก.ค. 2550....IAEA (องค์กรปรมาณูเพื่อสันติ) สนับสนุนเรื่องสร้างโรงไฟฟ้ากับประเทศไทย
เห็นมั้ยคะ..ว่าโครงการณ์นี้ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ครูไม่ได้กลัวเรื่องโรงไฟฟ้า แต่กลัวเรื่องคนที่เข้าไปควบคุมเครื่องมือ ถึงอยากย้ำว่า ระเบียบ วินัย เราต้องปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็กค่ะ