รอบรั้ว ความพอเพียง
Wednesday, July 11, 2007
เมื่อวานนี้ ได้พูดถึงภาวะโลกร้อนไปแล้ว...อันที่จริง มนุษย์เองก้าวหน้ามากจนเกินไป เหมือนอากาศที่อัดอยู่ในกระป๋อง แล้วก็ได้รับความร้อน มากขึ้นๆ จนระเบิดตูมออกมา นี่...ถ้าพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่า เราต้องถอยหลังไปอีกซัก 100 ปีถึงจะพอใจใช่มั้ย...ไม่ใช่ค่ะ ศาสนาสอนให้เราอยู่ในสายกลาง อย่าก้าวเร็วจนเกินไป อย่าด่วนเร็วจนเกินไป สามีของครู สมัยกลับมาจากการทำงานเมืองนอกใหม่ๆ เดินไปไหนนี่ตามแทบไม่ทัน ต้องบอกเตือนเรื่อยๆว่า เดินช้าลงหน่อย เขาถึงจะช้าลง แล้วบอกว่ามันชินกับการเดินไว มันแข่งกับเวลา จนกระทั่ง เดี๋ยวนี้เดินช้าลง ถ้าเราไปวัดบ่อยๆ จะเห็นว่าพระสงฆ์จะสอนให้เราเดินช้าๆ ระวังจิตของเราให้ดี แล้วมันจะเกี่ยวกันมั้ยนี่...มันเกี่ยวกันค่ะ เพราะทุกอย่างมันเริ่มที่ใจของเรา ใจมันเป็นต้นน้ำ ต้นความคิด ที่จะทำอะไรต่อไป ถ้าใจของเราเข้าใจว่าความพอเพียงคืออะไร ความรุ่มร้อนที่จะกอบโกยเอาอะไรๆเข้าหาตัว มันก็จะค่อยๆลดลงๆ จนมันอยู่ในภาวะสมดุล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ทรงมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยลำดับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 และภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 ก็ได้ทรงเน้นย้ำเป็นแนวทางแก้ไข เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ และอยากบอกเติมอีกนิดว่าในกระแสของความโลภในจิตใจคนด้วย
ความพอเพียงที่ได้เกริ่นเสียหลายๆวรรคนั้นคืออะไร ถ้าให้ครูสรุปก็คือทำอะไรอย่าโลภมาก อย่าทำอะไรให้มันเกินตัว และต้องดูความสามารถของตนเองด้วยว่า จะไปรอดไหมถ้าตัดสินใจไปแล้ว คือประมาณตนได้ค่ะ แต่ที่ใครๆเขาพูดเรื่องนี้เขาจะพูดถึง การพอประมาณ..การมีเหตุผล...มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความรู้ คือรอบรู้...รอบคอบ...ระมัดระวัง ให้อยู่ในเงื่อนไขของคุณธรรมด้วย คือ ซื่อสัตย์...สุจริต...ขยัน...อดทน...และแบ่งปัน ทั้งหมดนั้นมันอยู่ที่ใจเราเป็นปฐม ถ้าเราคิดเป็น เราไม่จำเป็นที่จะใช้ชีวิตแบบยุ่งเหยิงเหมือนฝรั่ง ไม่รบราฆ่าฟันกัน เพื่อแย่งชิงน้ำมัน ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่ต้องมีการแบ่งพวก แบ่งศาสนา แบ่งเชื้อชาติแล้วก็ลามไปจนถึงแบ่งแผ่นดิน ที่ร้ายๆที่พูดมามันก็จะตกไปอยู่ที่คำๆเดียวคือการไม่มีความพอเพียงของมนุษย์ค่ะ
ครูสรุปให้ฟังอีกครั้งนะคะ ที่ภาวะโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปจนร้อนขึ้นและจะตามมาด้วยวิกฤติ สงครามที่เกิดอยู่ทั่วไปจนถึงกับต้องมาลำบากกันอยู่เดี๋ยวนี้ ไม่มีความสงบสุขเหมือนในอดีต มันมาจากความพอเพียงในจิตใจของมนุษย์ที่ขาดหายไป โดนความโลภเบียดเข้าแทนที่จนหมดค่ะ รูปข้างบนนั่นเก็บไว้ดู ให้เย็นๆใจนะคะ คนเราก็มีแค่นี้ ความสงบเย็นนั่น คือความสุขที่แท้จริงค่ะ
Posted by
ครูพเยาว์
at
9:19 PM
Labels: ทั่วไป ตามใจคิด, เศรษฐกิจพอเพียง