Daisypath Anniversary tickers

รอบรั้ว พระพุทธศาสนา อริยสัจ 4

Wednesday, June 27, 2007


ทราบมาก่อนแล้วว่า ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้คือ อริยสัจ 4 ทราบมั้ยคะว่า ประกอบด้วยอะไรบ้าง...เอาละ ทุกคนตอบได้ ว่าประกอบด้วย ทุข์ สมุทัย นิโรธและมรรค แล้วต้องทราบด้วยนะคะว่า ความหมายของ อริยสัจ 4 หมายถึง "ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ" ค่ะ ซึ่งหมายถึง

1. ทุกข์...เป็นความทุกข์ค่ะ เป็นสภาพที่ทนได้ยาก สภาวะที่บีบคั้น ขัดแย้ง บกพร่อง และเป็นเหตุปัจจัยที่ไม่ขึ้นต่อตัวมันเอง ได้แก่

- ความเกิด ..................................... (ชาติปิ ทุกฺขา)

- ความแก่ ...................................... (ชราปิ ทุกฺขา)

- ความตาย ..................................... (มรณมฺปิ ทุกฺขา)

- ความโศก ..................................... (โสก)

- ความคร่ำครวญรำพัน ......................... (ปริเทว)

- ความทุกข์กาย ................................ (ทุกฺข)

- ความทุกข์ใจ .................................. (โทมนสฺส)

- ความคับแค้นใจ ............................... (อุปายาส)

- การต้องประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก ......... (อปฺปิเยหิ สมฺโยโค)

- ความต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ...... (ปิเยหิ วิปฺปโยโค)

- การปราถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นสมหวัง ... (ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกขํ)

...ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับคนเรานี้ เนื่องจากเรามีความอยาก มีความต้องการ เช่นอยากเล่นเกมส์แต่แม่ไม่ให้เล่น..ทำการบ้านก่อนนะลูก...เราก็ได้แต่นั่งดูคอมพิวเตอร์ เล่นไม่ได้..แหม..ความทุกข์มันก็เข้ามาทันที อย่างนี้เรียกว่าเมื่อไม่เป็นไปตามความต้องการ คือขอเล่นเกมส์จึงเกิดความทุกข์ และความทุกข์ที่เกิดขึ้นนี้ถ้าเราไม่รู้จักแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ก็จะเกิดผลเสียแก่เรา...เช่นถ้าตามใจตัวเองไปหมดทุกอย่าง เล่นแต่เกมส์ ไปเที่ยว การเรียนก็จะตกต่ำ

2. สมุทัย หมายถึงสาเหตุของความทุกข์ค่ะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนั้นเกิด สิ่งนี้จึงเกิด" ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับคนเรา ย่อมมีสาเหตุแห่งทุกข์นั้น อย่างเช่น

วิ่งไม่ระวัง........ทำให้วิ่งชนกัน หรือล้มลงได้

ไม่สนใจเรียน.......ทำให้สอบตก

พูดจาหยาบคาย.......ทำให้เพื่อนไม่อยากพูดด้วย

สาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ต่างๆเหล่านี้เรียกว่า "ตัณหา"ค่ะ ตัณหา หมายถึง ความต้องการ อยากอยาก มีอยู่ 3 ประการค่ะ ได้แก่

....ความอยากได้อารมณ์อันน่ารักใคร่ เช่น อยากไช้ของสวยๆงามๆ อยากกินอาหารอร่อยๆ อยากเล่นเกมส์ด้วยและอื่นๆ

....ความไม่อยากเป็นโน่นเป็นนี่ เช่น ไม่อยากเป็นคนจน ไม่อยากให้เพื่อนเกลียดชัง และอื่นๆ

....ความอยากเป็นนั่นเป็นนี่ เช่น อยากเป็นดารา อยากได้ตำแหน่งสูงๆ และอื่นๆ

3. นิโรธ หมายถึง ความดับทุกข์ ได้แก่ภาวะตัณหาดับสิ้นไป ไม่ติดข้องอยู่ในตัณหา หลุดพ้น สงบ และเป็นอิสระ ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "นิพพาน"

แต่การที่คนเราจะเข้าถึงนิพพานได้นั้น ต้องฝึกอบรมกายและจิตให้ค่อยๆ ลดความต้องการหรือตัณหาลงไป ก็จะช่วยให้ความทุกข์บรรเทาลงไปบ้างค่ะ

4. มรรค หมายถึง ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ มีอยู่ 8 ประการ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ทางสายกลาง" (มัชฌิมาปฏิปทา) ได้แก่

....1. เห็นชอบ...........2. ดำริชอบ........3. เจรจาชอบ.......4. กระทำการชอบ

....5. เลี้ยงชีพชอบ....6. เพียรชอบ......7. ระลึกชอบ.........8. ตั้งจิตมั่นชอบ

การดับทุกข์นั้น ต้องอาศัยการอบรมจิตและปัญญาให้เกิดความรู้และความเข้าใจอย่างแท้จริง จึงจะสามารถช่วยลดความต้องการของตนเองได้ และช่วยบรรเทาทุกข์กายและทุกข์ใจ ซึ่งข้อปฏิบัติที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ก็คือ มรรคมีองค์ 8 นั่นเองค่ะ
รูปภาพต่างๆที่คุณครูเอามาให้ดูประกอบเรื่อง เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง นี่แหละที่พูดได้ว่าพระพุทธศาสนาเป็นบ่อเกิดศิลปะในแขนงต่างๆ ที่กล่าวได้ว่า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยค่ะ

Posted by ครูพเยาว์ at 9:34 AM