ปลูกป่าสมดุลทางนิเวศน์
Monday, June 15, 2015
บ้านเรานี่กำลังหันหน้าไปในทางปราบผู้บุกรุกป่ากันจริงจังมากขึ้น เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ ข่าวทางจอโทรทัศน์ แล้วก็ทุบสิ่งก่อสร้างรีสอร์ทของนายทุนที่เข้ามาทำกิจการ โค่นต้นยางพารา เลื่อยเป็นท่อนๆให้เห็นจะจะกัน....ถูกใจผู้ที่รักธรรมชาติกันอย่างมากมาย ชื่นชมกัน เพราะถือว่าการโค่นไม้ทำลายป่า เป็นการทำร้ายประเทศชาติ ทำให้บ้านเรากลายเป็นทะเลทรายไปในที่สุด คิดไปไกลถึงขนาดนั้น ทีนี้เรามาดูความจริงอีกด้านกันสักนิด...ประเทศไทยเรามีประชากรเท่าไหร่แล้ว การแบ่งสรรปันส่วนในการครอบครองที่ดิน เพื่อทำมาหากินเราได้ทำกันแล้วหรือยัง ความจริงเกือบ 8แสนครัวเรือนของประชากรไทยไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองแม้แต่ตารางวาเดียว นี่เป็นข่าวเจาะของที่ดิน/ผังเมือง แล้วที่ดินไปอยู่ที่ไหนกัน...ข้อมูลบอกว่าไปอยู่กับนายทุนใหญ่ อย่าไปรู้เขาเลยว่าเป็นใคร ให้รู้เพียงแค่ว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของคนไทย มีที่ดินมากกว่า 100 ไร่ อีก 90 เปอร์เซนต์มีที่ดินน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ไร่ (รวมทั้งที่ไม่มีที่ดินเลย) แต่ที่เจ็บกว่านั้นคือ 70 เปอร์เซนต์ของที่ดินที่มีการครอบครอง ปล่อยทิ้งร้างหรือใช้ประโยชน์ไม่ถึงครึ่ง จาากข้อมูลของพัฒนาชุมชนย้อนหลังไป ปี 2556 ประชากรเรามี 64 ล้านคน อยู่ในชนบท 30 ล้านคน แรงงานอพยพเข้าไปทำงานในเมืองมากขึ้น แต่ที่อยู่ในชนบทนั่น มีอยู่เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ แล้วเขาทำอะไรกัน...การเกษตรทั้งนั้น ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปลูกข้าวโพด ปลูกปาล์มน้ำมัน ปลูกยางพาราตามสภาพของที่ดินและภูมิอากาศของแต่ละแห่ง...การบุกรุกที่ดินก็เกิดขึ้น เพราะเขาก็ไม่ได้มีที่ดินตกทอดมาเป็นของตัวเอง หรือถ้ามีก็ไม่พอทำกิน เราจึงเห็นชาวบ้านมาขอปลูกโน่นนี่ในที่ดินของคนรู้จัก หรือของคนที่มีฐานะดีกว่า นี่คือความเป็นจริงที่เป็นอยู่ แล้วการโค่นป่านั่นจะทำให้บ้านเรากลายเป็นทะเลทรายไปได้หรือเปล่า...คิดง่ายๆโค่นอย่างเดียวเลย ไม่ปลูกอะไร เราก็จะมีที่ดินว่างๆ ไม่มีต้นไม้ พอฝนตกน้ำก็จะไหลลงสู่พื้นล่างอย่างเร็วทันที ชะหน้าดิน สารอาหารพืชฮิวมัสลงสู่พื้นล่างหมด แต่เท่าที่เห็นก็ไม่เห็นการโค่นป่าแบบนี้เลย เพราะมันหมดสมัยการโค่นป่าขายไม้ซุงไปนานแล้ว เพราะฉนั้นแม้ชาวบ้านจะเข้าไปบุกป่าเขาก็ปลูกพืชพันธุ์ ใช้ที่ดินให้เป็นประโยชน์กับครอบครัวของเขา เลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัว ย้ำอีกครั้งแล้วฝนตกน้ำท่วม แล้วก็แห้งแล้งจนไม่มีน้ำใช้เลยล่ะ เกี่ยวกับการโค่นป่าหรือเปล่า...อาจมี แต่ก็แค่นิดหน่อยไม่มากเท่าพวกที่ปลูกฝ้ายในอเมริกา ในรัสเซีย ในอินเดีย ถ้าติดตามข่าวดีๆจะเห็นว่าเขาใช้น้ำเพื่อการนี้เป็นจำนวนมาก น้ำในทะเลสาบหายไปทั้งทะเลในรัสเซีย น้ำใต้ดินในแคลิฟอร์เนีย อเมริกาหายไปมาก ความแห้งแล้งก็เข้ามาเยือน ในอินเดียก็เหมือนกัน เขาไม่ได้ปลูกไม้ยืนต้นแบบบ้านเรา เราปลูกผลไม้ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งล้วนแต่มีผลต่อการเก็บน้ำใต้ดินทั้งนั้น ฝนตกน้ำท่วม/ฝนไม่ตกเกิดแห้งแล้ง มันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติล้วนๆ ถ้าเข้าใจและติดตามภาวะ la nina/ el nino ที่จะมาเยือนภูมิภาคอยู่เป็นประจำ และถ้าฟัง George Carlin พูดถึงโลกสีน้ำเงินของเราในเรื่อง The planet is fine เราจะพบว่าโลกเผชิญกับภัยพิบัติต่างๆมากมายที่โถมเข้าโลก ตัดมาให้อ่านดูบางตอน เช่น...The planet has been through a lot worse than us. Been through all kinds of things worse than us. Been through earthquakes, volcanoes, plate tectonics, continental drift, solar flares, sun spots, magnetic storms, the magnetic reversal of the poles...hundreds of thousands of years of bombardment by comets and asteroids and meteors, worldwide floods, tidal waves, worldwide fires, erosion, cosmic rays, recurring ice ages..ที่โลกตัวร้อน ไข้ขึ้น ก็มาจากประเทศใหญ่ๆทั้งนั้นที่พ่นก๊าซ พ่นควันเข้าสู่บรรยากาศ...ประเทศไทยนั่นน่ะเล็กนิดเดียวทำอะไรไม่ได้มากหรือส่งผลอะไรกับโลกได้....แต่เราก็ทำยังกับว่า เรานี่แหละเป็นตัวต้นเหตุอย่างหนึ่ง อยากให้เข้าใจการครองชีพของคนไทยในชนบทให้มากขึ้น แนวทางแก้ไข จัดการ บริหารที่ดินก็สมควรที่จะทำให้เป็นเรื่องเป็นราว การเก็บภาษีผู้ที่ถือครองที่ดินโดยปล่อยทิ้งไว้ ไม่ทำประโชน์ก็ควรจะออกกฏหมายมา ให้ความรู้กับประชาชนเรื่องการปลูกป่าในที่ของตัวเองควรทำอย่างไร ปลูกได้ก็ต้องโค่นได้ด้วย ไม่ใช่ปลูกอย่างเดียว พอจะโค่นก็บอกว่านั่นเป็นไม้หวงห้าม ต้องออกกฎหมายให้ชัดเจน
คนดีและคนไม่ดี กับอนาคตของชาติ
Thursday, June 23, 2011
บ้านเมืองของเราจะสงบสุข หรือจะวุ่นวายต่อไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเราทุกคน ที่ใส่ใจต่อพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าท่านได้ทรงดูแลบ้านเมืองนี้มาเป็นเวลานาน เห็นเหตุการณ์ต่างๆมามากกว่าพวกเราทุกคน และเห็นลึกลงไปถึงเบื้องหลังเรื่องต่างๆด้วย เพราะพระองค์ท่านจะเข้าไปช่วยคลี่คลายเหตุการณ์ให้จบลงด้วยดี...ซึ่งในชีวิตของเราก็เห็นอยู่หลายครั้ง ที่บ้านเมืองวุ่นวาย...พระบรมราโชวาทนี้ถึงได้มีขึ้นสำหรับเราชาวไทย...หรือพสกนิกรของพระองค์
เหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นในบ้านเรา แสดงให้เห็นว่า มีใครบ้างที่ก่อความวุ่นวาย ทำไมถึงตกลงกันดีๆไม่ได้ ทำไมต้อง “ทำลายประเทศของตัวเอง” เผาบ้านเมืองของเรา ถ้าจะย้อนไปถึงแก่นปัญหาจริงๆแล้ว โดยไม่หยุดตรงเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะแล้ว ย้อนไปที่ต้นตอเลย ก็จะพบว่า บ้านเรามีการโกงกินกันอย่างรุนแรง ซึ่งก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะคนที่เข้ามาปกครอง บริหารประเทศนั้น เข้ามาแบบโกงกันเข้ามา ในเมื่อซื้อเสียงเข้ามา ก็ต้องมีการถอนทุนและหากำไร มีคนพูดว่า อาชีพที่ทำให้รวยได้ทันใจคืออาชีพนักการเมือง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ ครูเห็นนักการเมืองส่วนหนึ่ง เขาก็ยังคงอยู่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ได้ร่ำรวยขึ้น นักการเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เราถึงต้องชั่งใจเลือก ดูพรรค ดูว่าพรรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นหัวหน้าพรรค การเลือกหัวหน้าพรรคเขาทำกันแบบไหน เป็นพรรคที่ตั้งขึ้นโดยใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ หรือตั้งขึ้นโดยกลุ่มคนที่รวมตัวกันตั้งพรรคขึ้นมา ดูแนวทางพรรค นโยบายเขามุ่งไปทางไหน ทางเศรษฐกิจ ทางการศึกษา ทางสังคม ซึ่งก็มีหลายด้านเหลือเกิน พูดเรื่องอะไรก็ดูเหมือนจะตรงใจกับคนแต่ละกลุ่ม แต่ครูอยากให้พวกเธอได้ดูเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาคน เพราะคนนี่แหละคือสิ่งสำคัญ พัฒนาคนในทุกๆด้าน ให้คนของเราเป็น “พลเมือง” ให้ได้ ให้คนของเรามีการศึกษาที่ดี มีศิลธรรม และสุขภาพดี ซึ่งครูจะไม่พูดถึงเศรษฐกิจเลย เพราะสิ่งนี้ได้มาจากผลพวงของการศึกษาทั้งนั้น มาจากคุณภาพของคนแท้ๆ พูดอย่างนี้ถ้าถามว่าเอาตัวอย่างจากไหนมาวัด ครูตอบได้ง่ายๆเลย จากประเทศสิงคโปร์ค่ะ เปรียบเทียบกันง่ายๆเลย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่ ไม่มีใครจะล้ำหน้าคนสิงคโปร์ไปได้ การศึกษานี่แหละเป็นตัวชี้วัด อาจมีตัวอื่นเสริม เช่นการปกครองที่เข้มแข็ง กฎหมายที่ทุกคนต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด นั่นเป็นแค่ตัวเสริมให้เขาเจริญอย่างมั่นคงขึ้น การคอรัปชั่นหรือการโกงแทบไม่มี นั่นก็มาจากการรู้เท่าเทียมกันของพลเมือง และการบังคับใช้กฎหมายที่บิดเบี้ยวไม่ได้.....ทีนี้ไปดูการบริหารพรรค สำคัญค่ะ เป็นพรรคที่ต้องอาศัยสมาชิกพรรคเข้ามาลงมติ ตัดสินในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือพรรคที่มีเจ้าของ ที่เจ้าของพรรคสามารถชี้ไปได้ว่าจะเอาอย่างนั้นอย่างนี้....เด็กๆอาจจะไม่รู้ว่ามีเรื่องอย่างนี้ด้วย แต่จริงๆแล้วบางพรรคการเมืองในเมืองไทย มีเจ้าของพรรคเลย เป็นนายทุนพรรคก็ว่าได้ อาศัยพรรคการเมืองเข้ามาบริหารประเทศ ถ้าเจ้าของพรรคเห็นแก่ประเทศชาติจริงๆ เราก็อาจโชคดี ประเทศก็จะเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี เราก็จะเห็นกลุ่มของนักการเมืองนั้น รวยกันทั้งกลุ่ม พวกเธอก็ต้องนั่งคุยกันละ ในครอบครัวของเธอว่า ตกลง เราจะเลือกคนกลุ่มไหน พรรคไหนเข้ามาบริหารประเทศ ภายใต้พระบรมราโชวาทที่ได้ให้ไว้ “ในสังคมนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความวุ่นวายได้”
Labels: ประชาธิปไตย, หน้าที่พลเมือง
ดูหนังแนวให้คิด...โครอลไลน์
Friday, June 10, 2011
ในช่วงที่กำลังสับสน การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง จะเลือกใคร เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศ...หลายปีที่ผ่านมามีความวุ่นวายมากในบ้านเรา แม้ในจังหวัดอุดรของเรา ก็เกิดเรื่องไม่ได้หยุดยั้ง การเดินขบวน ไล่ล่าทำร้ายกันระหว่างผู้เดินขบวน ชุมนุม ที่หนองประจักษ์ จะเห็นว่า คนไทยที่เราเห็นนั้น โหดร้ายเข้าทุกวัน พร้อมที่จะเข้าไปฆ่า ไปทำร้ายใครก็ได้...เพื่อประชาธิปไตยรึ? ครูคิดว่าไม่น่าจะใช่นะ...แนวความคิดเรื่องประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องที่จะชนะคะคานกันด้วยการมุ่งร้ายต่อกัน นั่นมันเป็นพวกนักเลง พวกที่ใช้กำลังความคิดไม่เป็น เลยใช้กำลังต่อสู้ ครูมีภาพที่เขาทำร้ายกัน เผาบ้านเมืองของตัวเอง แต่ไม่อยากที่จะเอามาให้ดู ที่จริงโลกเราเปลี่ยนไปมาก จนกลายเป็นพวกใจคอโหดร้าย ถ้าเป็นฝรั่งเขาจะตกอยู่ในพวก Mean World Syndrome โหดร้ายมากค่ะ บางทีคนแก่โดนตี โดนทำร้าย เขาดูกันเฉยๆ ไม่มีใครเข้าไปช่วย ไปห้ามปราม คนถูกรถชนนอนกลิ้งอยู่บนถนน ก็ไม่มีใครสนใจ เดินผ่านไปมา นั่นเพราะใจคอของคนกลายเป็นพวกใจไม้ใส้ระกำ เรากำลังอยู่ในสังคมอย่างนี้อยู่
ในเรื่องที่ครูพูดไว้เบื้องต้น เรื่องความสับสนจะเลือกใครดี สำหรับบางคนเขาเลือกเอาไว้แล้ว ครูก็มีพรรคที่จะเลือกอยู่ในใจแล้วเหมือนกัน ทีนี้ครูจะขอเข้าเรื่องหนังที่ครูดูผ่านๆไป แต่ก็เข้ากับเรื่องประชาธิปไตย การเลือกว่าจะยืนอยู่ตรงไหนในสังคมไทย เป็นหนังเด็กๆ เรื่อง Coraline (โครอลไลน์กับโลกพิศวง) เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กหญิง โครอลไลน์ ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เก่าๆหลังหนึ่ง แบ่งกันอยู่ 3 ครอบครัว พ่อแม่ของเธอ ทำงานเกี่ยวกับการจัดสวน และที่สำคัญคือไม่ได้โอ๋เธอเท่าไหร่นัก ทำให้เธอเหมือนกับถูกทิ้งไว้โดดเดี่ยว วันหนึ่งระหว่างที่เธอไปเล่นอยู่ข้างนอก ไปเจอกับหลานชายของเจ้าของที่ดิน และไปได้ตุ๊กตาที่คล้ายๆกับเธอเข้า เขาก็เอาตุ๊กตานั้นให้โครอลไลน์ และบอกว่าเคยมีเด็กที่ได้ตุ๊กตาที่หน้าเหมือนเจ้าของอย่างนี้ แล้วเด็กผู้หญิงก็หายไปแบบไร้ร่องรอย หลังจากกลับมาที่บ้าน โครอลไลน์พบประตูเล็กๆ ที่ถูกปิดเอาไว้ด้วยวอลล์เปเปอร์ หลังจากที่เปิดประตู ก็ปรากฎว่ามีกำแพงอิฐขวางอยู่ คืนนั้นเอง โครอลไลน์ตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงของหนู เธอตามมันไปถึงประตู พบว่ากำแพงอิฐหายไปแล้ว และเป็นช่องทางเดินเข้าสู่อีกประตูหนึ่ง ในที่สุดทางนั้น โครอลไลน์ก็ได้พบกับ “อีกโลกหนึ่ง” ได้พบพ่อคนใหม่ แม่คนใหม่ ซึ่งต่างจากพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ คือเอาใจใส่อย่างที่สุด ที่ต่างกันอีกก็คือตาของพ่อแม่ใหม่เย็บด้วยกระดุม คืนนั้นโครอลไลน์นอนค้างอยู่กับบ้านอีกโลกหนึ่ง แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมาตอนเช้า กลับพบว่านอนอยู่บนเตียงที่บ้าน....โอ น่าสนุกค่ะ เธอเล่าให้พ่อแม่ฟัง แต่เขาก็บอกว่ามันเป็นแค่ฝันไปน่ะ โครอลไลน์ยังแอบไปอีกโลกหนึ่งทุกคืน อยู่ที่นั่นอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเจอกับแมวของตัวเองที่เข้ามายังอีกโลกหนึ่งของเธอได้ แมวนี่พิเศษกว่าสัตว์ใดๆนะคะในภาพยนตร์ มักเป็นแมวที่มีความสามารถพิเศษทั้งนั้น เตือนเธอว่าที่นี่อันตรายนะ แต่เธอก็ไม่ใส่ใจ จนกระทั่งวันหนึ่งแม่ใหม่ก็ชวนโครอลไลน์ให้อยู่ที่นั่นถาวรไปเลย ซึ่งเธอก็ตื่นเต้นอยากอยู่ แต่ว่าเธอต้องเอากระดุมมาเย็บตาให้เหมือนกับพ่อแม่ใหม่ ถึงจะอยู่ได้...โครอลไลน์ปฏิเสธและขอกลับบ้าน...นั่นทำให้แม่ใหม่ไม่พอใจขึ้นมา.....จากพ่อแม่ที่ทำเป็นใจดีแต่แรก ก็กลายร่างเป็นคนร้ายไปทันที...เอาละครูจะไม่เล่าต่อ พวกเธอไปหาดูเอาเอง สนุกกว่าเป็นไหนๆ
ที่ครูอยากจะบอกก็คือ เราอยู่กันมาเป็นเวลานาน อยู่กันอย่างมีความสุข แม้จะไม่เท่าเทียมกันนัก แต่ก็พอที่จะอยู่กันอย่างมีความสุขมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องที่จะต้องมาทำร้ายกัน เผาบ้านเผาเมืองกัน...ไม่มี มีคนเคยพูดว่าเราจะอยู่ในบ้านเมืองที่เราไม่รู้จักมาก่อนในอนาคตอันไกล้...ครูว่ามันน่ากลัว ในการเลือกรัฐบาลก็เหมือนกัน ดูแต่ละคนที่เข้ามา ทำทีเป็นพ่อแม่ใหม่กันทั้งนั้น เบื้องหลังเขาเป็นอย่างไร ถ้านั่งคิดกันสักหน่อยก็จะเห็น เดี๋ยวนี้เรามีนักการเมืองที่เป็นนายทุนเยอะ นั่นคือผลประโยชน์ พวกเธอต้องฉลาดกลับไปนั่งคิด จะเอาพ่อแม่ที่เป็นพ่อแม่เดิม ซึ่งก็ทำงานเลี้ยงดูเรามาตลอด หรือจะเอาพ่อแม่ใหม่....
Labels: ดูหนัง ฟังเพลง, ทั่วไป ตามใจคิด, หน้าที่พลเมือง
รอบรั้ว หน้าที่พลเมือง สถานภาพของบุคคลในสังคม
Thursday, June 9, 2011
| ||
Labels: หน้าที่พลเมือง